8 เหตุผลที่ควรบริโภคขิง!

 

 

"ขิง" เป็นพืชสมุนไพรที่ได้รับความนิยมไม่เฉพาะในบ้านเรา แต่แทบทั้งหมดของประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวอินเดีย ที่นิยมใช้ขิงมาประกอบอาหารหลากหลายเมนู และนอกจากมันจะถูกนำมาเป็นส่วนผสมเมนูอร่อยของแต่ละชาติแล้ว ที่สำคัญคือมันยังมีสรรพคุณเป็นยาที่ใช้กันมานานนับศตวรรษ เช่น บรรเทาอาการปวด ปัญหาการย่อยอาหาร บรรเทาอาการคลื่นไส้ ฯลฯ

          เป็น ไม้ล้มลุก วงศ์ Zingiberaceae ชื่อสามัญ Ginger ชื่ออื่น ขิงแกลง ขิงแดง (จันทบุรี) ขิงเผือก (เชียงใหม่) สะเอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

        ต้น มีเหง้าใต้ดิน สีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในสีนวล มีกลิ่นเฉพาะ จะแทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นมาเหนือพื้นดิน

        ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปขอบขนาน แกมรูปหอก กว้าง 1.5-2 ซม. ยาว 15-20 ซม. ขอบเรียบ แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน 

 

 

        ดอก ออกเป็นช่อ แทงออกจากเหง้าใต้ดิน ใบประดับเรียงเวียนสลับสีเขียวอ่อน ดอกสีเหลืองแกมเขียว

        ผล เป็นผลแห้ง ทรงกลม ขนาดประมาณ 1 ซม. เป็น 3 พู เมล็ดหลายเมล็ด

          ขยายพันธุ์ แยกหน่อ ปักชำ ชอบความชื้น แสงแดดเต็มวัน

          ส่วนที่ใช้ คือเหง้าแก่สด  ต้น  ใบ  ดอก  ผล แต่ รากหรือเหง้า เป็นส่วนที่นิยมใช้กันมากที่สุด มีคุณประโยชน์สูงมาก ซึ่งวิธีบริโภคก็มีทั้งแบบสด แบบแห้ง แบบผง เครื่องเทศ เป็นน้ำผลไม้ ฯลฯ ดังนั้น มาดูกันถึงเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรรับประทานขิงกันทุกวัน เป็นประจำ และสม่ำเสมอด้วย เพื่อสุขภาพปราศจากโรคภัยไช้เจ็บ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง

 

ขิงแห้ง-ขิงผง

         1.ขิงบรรเทาอาการปวด ตามที่มหาวิทยาลัยของรัฐจอร์เจียได้ศึกษาวิจัยพบว่า ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ 25% ยิ่งกว่านั้นความน่าอัศจรรย์ของรากขิงยังบรรเทาอาการปวด ประจำเดือนและลดอาการลุกลามของการปวดกล้ามเนื้อ

         2.ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล 45 วันในการศึกษาวิจัย ได้นำผู้ป่วยที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 85 คน บริโภคผงขิง 3 กรัมทุกวัน พบว่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง นักวิจัยชี้ให้เห็นว่ามัน ยังสามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อีกด้วย

         3.ขิงบรรเทาปัญหาการย่อยอาหาร ขิงมีสารฟีนอล ซึ่งบรรเทาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้มันยังกระตุ้นการผลิตน้ำดีและน้ำลาย ที่ช่วยส่งผ่านไปทางอาหารและของเหลวผ่านไปสู่ทาง เดินอาหาร และได้ทำการศึกษากับคนจำนวน 24 คน พบว่าการบริโภคขิงผง 1.2 กรัมก่อนมื้ออาหาร ช่วยเร่งการกำจัดของเสียในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยลดอาการ อาหารไม่ย่อยลงได้ 50%

 

 

         4.ขิงต่อต้านอาการอักเสบ โรคข้อกระดูกอักเสบเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน เป็นการเสื่อมของข้อต่อ ซึ่งจะนำไปสู่ความเจ็บปวดในข้อต่อที่ร้ายแรง การวิจัยที่ผ่านมาของคนที่เป็นโรคข้อกระดูก อักเสบ 247 คน พบว่าคนที่บริโภคขิงเป็นประจำ มีการใช้ยาน้อยลงและอาการเจ็บปวดของพวกเขาก็ลดลงด้วย

          5.ขิงช่วยพัฒนาการทำงานของสมองให้ดีขึ้น อายุที่เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดโรคเสื่อมเรื้อรังและการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์ การวิจัยแสดงให้เห็นว่า ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีการตอบสนองการอักเสบที่มีประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นในสมอง ในการศึกษาวิจัยกับ ผู้หญิงวัยกลางคนจำนวน 60 คน แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากขิงช่วยเพิ่มหน่วยความจำและการเกิดปฏิกิริยาในการทำงาน ซึ่งหมายความว่า มันช่วยพัฒนาสุขภาพ สมองให้ดีขึ้น

           6.ขิงบรรเทาอาการคลื่นไส้ การบริโภคชาขิงหรือขิงสด ส่งผลดีในการรักษาอาการคลื่นไส้ ยิ่งในกรณีของการตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้อง และ การรักษาโรคมะเร็ง ตามการศึกษาวิจัยกับหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 1,278 คน บริโภคขิง 1.1-1.5 กรัมทุกวัน ทำให้มีอาการคลื่นไส้น้อยลง

           7.ขิงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ น้ำตาลในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคหัวใจ ผลการศึกษาล่าสุดในการเข้าร่วมของผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่าการบริโภคขิงผง 2 กรัมทุกวัน ช่วยลดน้ำตาลใน เลือดโดยรวม 1 มันสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้อย่างน้อย 10% และ

           8.ขิงมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง ขิงมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจินเจอรอล ( gingerol ) ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าสามารถใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาพบว่าการบริโภค สารสกัดจากขิง 2 กรัมทุกวัน ช่วยทำให้ไซโตไคน์ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในลำไส้ใหญ่ลดลง

         ที่มา : วิกีพีเดีย สารานุกรมเสรี,ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบล ,http://www.share-si.com/2016/12/1_30.html