เตือนชาวนาระวัง "เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล"

         นายธนู บุญเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดสมุทรปราการเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน มีลำคลองมากมาย ทำให้มีการปลูกข้าวทั้งนาปรังและนาปีเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงฤดูฝนมักจะมี เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เข้ามาทำลายนาข้าว จึงขอให้เกษตรกรเฝ้าระวังสำรวจปริมาณของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ตั้งแต่ระยะกล้า โดยเฉพาะในพื้นที่การปลูกข้าวพันธุ์อ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เช่น พันธุ์ปทุมธานี 1 ชัยนาท 1 ชัยนาท 2 และชัยนาท 80 เป็นต้น

         ทั้งนี้หากเกษตรกรสำรวจพบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล 7 - 10 ตัวต่อจุดสำรวจ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบโดยด่วน เพื่อดำเนินการควบคุมตามคำแนะนำทางวิชาการ เช่น ควรกำจัดตัวแก่ที่มาเล่นแสงไฟตามบ้านด้วยการใช้สวิงโฉบ ใช้ใบตองทาน้ำมันพืชหรือน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วหรือกาวเหนียว ใช้เครื่องดูดแมลงกับดักแสงไฟทั้งนี้ควรทำโดยพร้อมเพรียงกันในแต่ละชุมชนเพื่อลดจำนวนตัวแก่ที่จะวางไข่ในนา การระบายน้ำออกจากแปลงนาเพื่อให้แปลงนาไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของเพลี้ย และมดสามารถขึ้นมากัดกินเพลี้ยได้

         แต่ถ้าพบมากกว่า 5 ตัวต่อจุดสำรวจ ควรฉีดพ่นด้วย "เชื้อราบิวเวอเรีย" หรือสารสกัดสะเดา หากการระบาดมีความรุนแรงมากก็จำเป็นต้องใช้สารเคมีในการควบคุมแต่ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของราชการ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเกษตรกรต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ ในการเฝ้าระวังการระบาดในแปลงของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้สารเคมีโดยไม่มีความจำเป็นเพราะจะทำให้เกิดการอพยพของเพลี้ยกระโดดสีน้ำ แพร่กระจายมากขึ้น และยังเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์

         สำหรับ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นแมลงปากดูด ตัวเต็มวัยจะมีสีน้ำตาลปนดำ แบ่งออกเป็น ชนิดปีกสั้นและชนิดปีกยาว อพยพเคลื่อนย้ายด้วยการอาศัยกระแสลมช่วย ลักษณะการเข้าทำลายทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยสามารถเข้าทำลายด้วยการดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณโคนต้นเหนือผิวน้ำ ทำให้ต้นข้าวมีอาการใบเหลืองแห้งตายเป็นหย่อมๆ โดยมากจะพบในระยะแตกกอถึงออกรวง นอกจากนี้ยังเป็นพาหะของโรคใบหงิกในข้าวอีกด้วย

 

แหล่งที่มา : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ