คนเลี้ยงท้อ"บิ๊กอุย"หน้าบ่อเหลือโลละ30

         ต้นทุนสูง แต่ราคาตกฮวบ "บ่อปลาดุก-สวาย" จำใจลดการเลี้ยง พร้อมเผย เห็นปลาดุกตามตลาดนัดตัวสีเหลืองน่ากิน แท้จริงเป็นดีซ่าน!

         นายประยุทธ์ โพธิ์ยิ้ม อดีตกำนันตำบลตะลุง อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 13 ตำบลตะลุง อำเภอเมืองลพบุรี เปิดเผยว่า การเลี้ยงปลาดุกที่เลี้ยงไว้เรียกกันว่า "บิ๊กอุย" ซึ่งพ่อพันธุ์ปลาจะเป็นปลาดุกรัสเซีย แม่พันธุ์จะเป็นปลาดุกอุย ได้เลี้ยงมานานกว่า 10 ปี พันธุ์ปลาก็จะไปหาซื้อมา จะให้อาหารเม็ด พอโตประมาณสัก 2 เดือนจะให้อาหารไก่ และบรรดาเครื่องในไส้ไก่ หัวไก่สด ต้องใช้เวลาเลี้ยง

         การเลี้ยงและการขายปลาดุกนั้น โดยปกติแล้วเลี้ยงได้ปีละสองครั้ง จับได้ปีละสองหน บิ๊กอุยต้องเลี้ยงไม่เกิน 5 เดือนแล้วจับ เวลาจับแม่ค้าพ่อค้าจะมาจับแล้วชั่งกิโลถึงบ่อ ถ้าเลี้ยงเกินห้าเดือนส่วนใหญ่จะเป็นดีซ่าน ตัวจะเหลือง ที่ไปขายตามตลาดนัดนั้น ชาวบ้านไปเห็นว่าปลาตัวเหลืองน่ากินแต่ที่จริงแล้วปลาดุกเป็นดีซ่าน เป็นโรครักษาไม่หาย เป็นปลาก้นบ่อที่ตัวเหลืองนำไปขายกันที่ตลาดนัดเพราะพ่อค้าปลา แม่ค้าปลาจะไม่รับซื้อปลาดุกเป็นดีซ่านอย่าเลี้ยงเกินกำหนด

         "ตอนนี้ราคาปลาดุกหน้าบ่อเหลือราคากิโลกรัมละ 30 บาท จับครั้งหนึ่งได้ประมาณ 10 กว่าตัน ก่อนหน้านี้ราคาอยู่ที่ 40-50 บาท สถานการณ์ในช่วงนี้ราคายังคงไม่ดี เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบต่อๆกันมา การเลี้ยงปลาดุกในช่วงนี้ก็จะไม่ค่อยได้กำไร ทำให้มีการลงทุนน้อยลงเพราะต้นทุนอาหารสูง และขายออกก็ไม่ได้มาก เท่าเมื่อก่อน" นายประยุทธ์ กล่าว

         นายสมยศ แก้วคำ อดีตประมงอำเภอเมืองลพบุรี ปัจจุบันเป็นเจ้าของบ่อเลี้ยงปลาดุกและปลาสวาย กล่าวว่า ปลาดุกราคากิโลกรัมละ 35-40 จากราคาปากบ่อ เป็นปลาบิ๊กอุย ปลาช่อนถ้าเป็นปลาธรรมชาติยังแพง ส่วนปลาช่อนเลี้ยงกิโลกรัมละ 100 บาท ปลาสวายราคากิโลกรัมละไม่ถึง 20 บาท เพราะไก่เลี้ยง 4 รุ่น แล้วถึงจะจับปลาสวายหนึ่งรุ่น เนื่องจากสวายเป็นสวายเลี้ยงใต้เล้าไก่ ส่วนปลาในธรรมชาติอย่างปลากด ปลาคัง ราคาก็ยังแพง ส่วนราคาปลานิลปลาไน ราคาอยู่ที่ 65 บาท และปลาทับทิมก็มีราคาสูงกว่าเล็กน้อย ราคาปลาไม่ดี อาหารปลาก็ยังสูงราคาไม่ลงทำให้มีการเลี้ยงปลาน้อยลง

 

สรศักดิ์ ทับทิมพราย รายงาน