ปลูก”อินทผลัม”เจาะตลาดคนชอบกินผลสด!

 

 

 

          “อินทผลัมผลไม้ที่คนไทยรู้จักและนิยมกินกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมจะละศีลอดด้วยการกินผลอินทผลัมกับน้ำเปล่า

           เนื่องจากในผลอุดมไปด้วยน้ำตาล ไขมัน โปรตีน และวิตามิน ที่จำเป็นต่อร่างกาย และแปรสภาพเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว

           ทำให้อินทผลัมกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังมาแรง เกษตรกรให้ความสนใจเพาะปลูกกันมากขึ้น อีกทั้ง ราคาขายในไทยอยู่ที่ กก.ละ 200 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แต่ละชนิด

 

อภิชน วรรณี

อภิชน วรรณี เจ้าของสวนภูผาลัม บ้านเตาถ่าน ต.บึงกระจับ อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เล่าว่า สวนนี้เริ่มจากแนวคิดของพี่ชาย จรินทร์ บุญปัญญารักษ์ ที่มีความสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศอิยิปต์ เรื่องเล่าของฟาโรห์ ฯลฯ

          ต่อเมื่อพี่ชายเดินทางไปสัมผัสดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ พอดีกับช่วงฤดูอินทผลัมมีผลสุก ได้ลิ้มรสจนติดใจในรสชาติความสด กรอบ หวาน จึงมีแนวคิดนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย

          เมื่อตัดสินใจว่าจะปลูกแล้ว เขาจึงเริ่มต้นศึกษาหาความรู้การปลูกผ่านทางอินเตอร์เน็ต เพราะช่วงแรกยังไม่มีเกษตรกรรายใดที่พอจะเป็นต้นแบบในการเรียนรู้และขอคำปรึกษาได้

 

 

           จากการศึกษาพบว่าอินทผลัมมีกว่า 600 สายพันธุ์ แบ่งเป็น 3 แบบ คือ แบบกินสด สุกและแห้ง สำหรับคนไทยจะคุ้นเคยการกินผลแห้งมากกว่าผลสด

           อินทผลัมเป็นพืชชอบอากาศร้อน ต้องปลูกกลางแจ้งที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ชอบน้ำ เติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 7- 40 องศาเซลเซียส ที่เหมาะสมมากที่สุดคือ 32 องศาเซลเซียส

           ดังนั้น บนพื้นที่ 11 ไร่ ของสวนนี้ จึงคัดอินทผลัมที่มีความโดดเด่นมารวบ รวมไว้กว่า 10 สายพันธุ์ มีทั้งพันธุ์ฮายานี ผลสุกจะมีสีแดงเข้มเหมาะกินสุก พันธุ์บาฮี ผลสุกสีเหลืองเหมาะกินสด และพันธุ์เรจเลทนอร์ ผลสีน้ำตาลเหมาะกินแห้ง

            เมื่อเริ่มต้นปลูก อภิชน บอกจึงเริ่มด้วยการเพาะเมล็ด พบว่ามีความเสี่ยง เพราะอินทผลัมเป็นพืชไม่สมบูรณ์ ต้นตัวเมียออกลูก ส่วนตัวผู้ใช้ผสมเกสร แต่กว่าจะรู้ว่าต้นไหนเป็นต้นตัวเมียหรือผู้ต้องใช้เวลา 2-3 ปี

 

 

           “มีความเสี่ยงที่ต้นตัวผู้เยอะ มีโอกาสกลายพันธุ์สูง ขณะนั้นยังไม่สามารถผลิตต้นกล้าเองได้ จึงต้องนำเข้าต้นพันธุ์จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอังกฤษ  ต้นพันธุ์จึงมีราคาสูง ต้องสั่งซื้อครั้งละ 500 ต้นขึ้นไป

           ส่วนการปลูก เริ่มจากการเตรียมดิน ในพื้นที่ 1 ไร่ ขุดหลุมให้มีระยะห่างที่เหมาะสมคือ 8x8 เมตร จะปลูกได้ 25 ต้น หรือ 8x10 เมตร หรือ 10x10 เมตร เพื่อให้ต้นได้รับแสงแดดได้เต็มที่ การดูแลใส่ปุ๋ยและให้น้ำสม่ำเสมอ

          ด้านผลผลิต จะเริ่มให้ผลผลิตเมื่อปลูกเข้าปีที่ 3 ขึ้นไป ให้ผลเต็มที่เมื่ออายุ 8 ปี และแต่ละต้นจะให้ผลผลิตกว่า 200 กิโลกรัม ถือว่าตลาดสดใสมาก เพราะคนไทยนิยมรับประทาน

 

 

          อภิชน บอกว่าความตั้งใจที่ปลูกคือ อยากให้คนไทยได้บริโภคผลสุกที่มีราคาถูก เป็นธรรมดาว่าช่วงแรกๆที่มีผลผลิตเพียง 50-60 กก.ราคาอาจแพงบ้าง อยู่ที่ 400-500 บาทต่อ กก.

          “หากผลผลิตมากขึ้น อาจจะขาย กก.ละ 100 บาท ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว

           เขาย้ำข้อดีของการปลูกอินทผลัมว่า สามารถเก็บไว้ขายได้ตลอดทั้งปี เพราะหากขายสุกไม่หมด ก็สามารถทำแห้งขายได้เช่นกัน

ปัจจุบันสวนภูผาลัม เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรดีเด่นของ จ.เพชรบูรณ์ มีอภิชนและพี่ชาย เป็นวิทยากร พร้อมจะถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรที่สนใจในไม้ผล อินทผลัมพืชทนแล้ง ศัตรูพืชน้อย ที่สำคัญทิศทางตลาดในอนาคตยังสดใส

 

 

            เกษตรกรท่านใดสนใจ ไปดูงานได้ที่สวนภูผาลัม 67 หมู่ 8 บ้านเตาถ่าน ต.บึงสามพัน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 080-651-9606