กยท.เทงบฯกว่า 700 ลบ.หนุนสหกรณ์แปลงใหญ่ยาง/ดันมาตรการชะลอน้ำยางพ้นระบบเป้า 2 แสนตัน

    ก.เกษตรฯ - นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท.ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการทำสวนยางในรูปแบบแปลงใหญ่ ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน มีจำนวนเกษตรกรชาวสวนยางในโครงการ 18,095 ราย พื้นที่สวนยางกว่า 270,000 ไร่ มุ่งพัฒนาเกษตรกรชาวสวนยางสู่การเป็น Smart Farmer ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 5 ด้าน ได้แก่ ลดต้นทุนการผลิต /การเพิ่มผลผลิต /การพัฒนาคุณภาพ /การตลาด /การบริหารจัดการ โดยการบูรณาการร่วมกันทั้งในส่วนของเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง หน่วยราชการ และภาคเอกชน ทั้งนี้ มีการกำหนดเป้าหมายให้มีโรงงานแปรรูปยางพาราครอบคลุมพื้นที่ทุกเขตของ กยท.ทั้ง 7 เขต วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 700 ล้านบาทต่อปี 

    ล่าสุด (4 ก.พ.64) คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย อนุมัติโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำยางข้นในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ให้กับสหกรณ์เครือข่ายยางพาราจังหวัดตราด จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานน้ำยางข้นของสถาบันเกษตรกรโรงงานเดียวที่รับซื้อน้ำยางสดมาแปรรูปเป็นน้ำยางข้น โดย กยท.สนับสนุนเงินอุดหนุนจากมาตรา 49 (3) วงเงินกว่า 31 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงคุณภาพผลผลิต โดยหลังปรับปรุงโรงงานจะเพิ่มกำลังการผลิตได้มากขึ้นจากเดิม 3 เท่าต่อวัน รองรับน้ำยางสดจากเกษตรกรในภูมิภาคได้มากขึ้น ซึ่งจะรับซื้อน้ำยางสดในราคานำตลาด เพื่อนำมาแปรรูปเป็นน้ำยางข้นเก็บไว้ชะลอขายได้ ถือเป็นอีกวิธีบริหารจัดการน้ำยางสดในช่วงสถานการณ์ยางมีความผันผวน

    นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ กยท.กล่าวว่า กยท.พยายามกระตุ้นการดึงน้ำยางสดออกจากตลาด โดยดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำยางสด ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรชะลอการขาย เก็บรวบรวมน้ำยางสดไว้ รอจังหวะที่ตลาดมีความต้องการ เช่น ในฤดูปิดกรีดที่ราคายางสูงขึ้น หรืออยู่ในระดับราคาที่สถาบันเกษตรกรเห็นว่าเหมาะสมแล้วนำออกมาขาย ซึ่ง กยท.ได้จัดหาอุปกรณ์แทงค์เก็บน้ำยางสดพร้อมสารเคมี เพื่อยืดระยะเวลาเก็บรักษาน้ำยางให้คงคุณภาพได้ 1-2 เดือน และสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนพัฒนายางพารา มาตรา 49 (3) เพื่อใช้เป็นเงินทุนซื้อน้ำยางสดมาจัดเก็บตามมาตรการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายดึงน้ำยางออกจากตลาดได้กว่า 200,000 ตัน เบื้องต้นดำเนินการแล้วใน จ.นครศรีธรรมราช มีสถาบันเกษตรกรเข้าร่วมและรับแทงค์รวบรวมน้ำยางแล้วกว่า 90 ถัง และได้ดำเนินการเพิ่มเติมใน จ.ตรัง และ จ.พัทลุง

     ผู้ว่าการ กยท.กล่าวถึงสถานการณ์ราคายาง ว่า ราคายางช่วงนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากปริมาณน้ำยางสดออกสู่ตลาดน้อยลง ปัจจัยหลักมาจากฤดูปิดกรีดยาง ,พื้นที่สวนยางในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบนเข้าสู่ช่วงผลัดใบและหยุดกรีดแล้ว ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจยางของ กยท.พบว่า เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีปริมาณผลผลิตน้ำยางออกสู่ตลาด 519,614 ตัน คาดเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณน้ำยางจะเหลือ 353,224 ตัน ลดลงร้อยละ 32 และจะลดต่อเนื่องไปจนถึงเมษายน ซึ่งลดลงจากเดือนมกราคมถึงร้อยละ 80 ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าผลผลิตน้ำยางในตลาดกำลังน้อยลง บวกกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้นหลังเทศกาลตรุษจีน จึงสอดคล้องกับแนวโน้มราคายางที่คาดจะปรับตัวขึ้นในทิศทางบวก ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรชาวสวนยางอย่างแน่นอน

       ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : ทีมประชาสัมพันธ์การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)