ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกข้าว ปี 64 ที่ 6 ล้านตัน /บาทแข็ง-คู่แข่งตีตลาด เร่งปรับแผนสู้

      นทบุรี- นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แจงการแถลงเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยและแผนการส่งเสริมตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ ปี 2564 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า ได้หารือกับสมาคมต่างๆในการตั้งเป้าหมายส่งออกข้าว ปี 64 ไว้ที่ 6 ล้านตัน (ปี 63 ที่ส่งออก 5.72 ล้านตัน) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เพราะยังมีปัจจัยลบเหมือนปีที่แล้ว เช่น เงินบาทที่แข็งค่าและจะแข็งต่อเนื่องไปอีกพอสมควร ข้าวไทยแพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น อินเดียมีผลผลิตมากและต้นทุนถูก ขณะที่เวียดนามยังเป็นคู่แข่งของไทยในการส่งออกข้าวไปฟิลิปปินส์ ส่วนแผนการส่งเสริมตลาดข้าวไทยในต่างประเทศนั้น แบ่งเป็น 3 ตลาด ได้แก่  

       1.ตลาดข้าวพรีเมียม คือ ข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มดี โดยแผนการทำตลาดจะเน้นไปที่ตลาดที่มีกำลังซื้อดี และผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพข้าว เช่น สหรัฐ ฮ่องกง สิงคโปร์ แคนาดา และออสเตรเลีย

       2.ตลาด Mass คือ ข้าวขาว และข้าวนึ่ง ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง เช่น ตลาดฟิลิปปินส์ และประเทศในแถบแอฟริกาใต้ และ

      3.ตลาดเฉพาะ (Niche Market) ข้าวเหนียว ข้าวสี และข้าวที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแผนการทำตลาดจะเน้นไปที่ตลาดยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย 

       ปีที่แล้วเราจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวไทย ซึ่งกรมฯในฐานะเป็นผู้ขาย เรามีโจทย์ที่ทำ คือ การนำยุทธศาสตร์ข้าวไทยไปสู่การปฏิบัติ เช่น ผลักดันให้มีผลิตภัณฑ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค แม้ว่างานนี้จะเป็นงานของกรมการข้าว แต่กรมฯจะเข้าไปช่วยผลักดัน เราจะทำเวิร์กช้อปในการพัฒนาพันธุ์ข้าว การทำข้อมูลตลาดข้าวในเชิงลึกในแต่ละประเทศ ปรับปรุงกฎระเบียบการทำธุรกิจ และส่งออกข้าวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ เป็นต้นนายกีรติระบุ

       พร้อมกล่าวถึง การส่งออกข้าวในปี 63 ที่ผ่านมาว่า ไทยส่งออกข้าวได้เพียง 5.72 ล้านตัน ลด ลง 24.54% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมีมูลค่าส่งออกในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 3,727 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.41% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมูลค่าในรูปเงินบาทอยู่ที่ 115,915 ล้านบาท ลดลง 11.23% จากปีก่อน

       ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นชนิดของข้าวส่งออก พบว่าเป็นข้าวขาว 1.90 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 33.22% ของปริมาณส่งออกทั้งหมด ,ข้าวหอมมะลิ 1.45 ล้านตัน คิดเป็นสัด ส่วน 25.35% ,ข้าวนึ่ง 1.44 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 25.17 ,ข้าวหอมไทย 0.57 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 9.96% ,ข้าวเหนียว 0.28 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 4.9%

      โดยตลาดส่งออกหลักคงเป็นตลาดแอฟริกาใต้ ปริมาณส่งออก 672,777 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 11.75% ของปริมาณส่งออกทั้งหมด อันดับ 2 สหรัฐ ปริมาณส่งออก 672,183 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 11.74% อันดับ 3 เบนิน ปริมาณส่งออก 476,290 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 8.32% อันดับ 4 จีน ปริมาณส่งออก 381,363 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 6.66% และอันดับ 5 อังโกลา ปริมาณส่งออก 347,292 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 6.07%

      นายกีรติ แจงในตอนท้าย เมื่อพิจารณาปริมาณการส่งออกข้าวในตลาดโลก พบว่าในปี 63 อินเดียส่งออกข้าวมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รองลงมาเป็นเวียดนาม ไทย และปากีสถาน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ในปี 63 ไทยส่งออกข้าวลดลง ได้แก่ 1) ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง 2) จีนซึ่งเดิมเป็นผู้นำเข้ารายสำคัญได้ผันตัวเป็นผู้ส่งออกและส่งออกข้าวไปแย่งตลาดข้าวที่เคยเป็นของไทย โดยเฉพาะตลาดแอฟริกา 3) ชนิดข้าวหรือพันธุ์ข้าวของไทยไม่สามารถตอบสนองกับความต้องการของตลาดได้เท่าที่ควร และ 4) ปัญหาการขนส่ง เนื่องจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์