เกษตรฯ พบถั่วเขียวต้องสงสัยโรคใบด่าง เร่งสกัดก่อนลุกลาม

         กรมวิชาการเกษตร ลุยตรวจแปลงถั่วเขียวเมืองชาละวันและมะขามหวาน หลังพบอาการใบด่างเหลืองแปลงถั่วเขียวจังหวัดชัยนาทและนครสวรรค์ 6,000 ไร่   ดึงกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นแนวร่วมปูพรมสำรวจพื้นที่ปลูกถั่วเขียวทั่วประเทศ ชี้ความรุนแรงโรคขั้นสุดเก็บผลผลิตไม่ได้ เตือนเกษตรกรตื่นตัวหากพบอาการต้องสงสัยใบด่างแจ้งสายด่วนทันที
         นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพืชไร่ชัยนาท ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ และสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร ได้ลงพื้นที่สำรวจแปลงปลูกถั่วเขียวของเกษตรกรที่จังหวัดชัยนาทและนครสวรรค์ เนื่องจากได้รับรายงานพบถั่วเขียวมีลักษณะใบด่างเหลือง จึงได้เก็บตัวอย่างใบ ยอด ของถั่วเขียวที่แสดงอาการใบด่างคล้ายไวรัสนำกลับมาตรวจวินิจฉัยภายในห้องปฏิบัติการของสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช ซึ่งผลการตรวจวินิจฉัยในเบื้องต้นพบว่าเกิดจากเชื้อไวรัส 2 วงศ์ คือ Geminiviridae : Begomovirus และ Potyviridae : Potyvirus โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจำแนกชนิดของเชื้อสาเหตุเพื่อให้ทราบชื่อและชนิด เพื่อยืนยันลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อทั้งทางด้านชีววิทยา การถ่ายทอดโรค สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ผลกระทบ และมาตรการในการป้องกันกำจัดโรค

         สถานการณ์การระบาดในขณะนี้พบถั่วเขียวแสดงอาการคล้ายไวรัสที่ อ.ตากฟ้า และ อ.ไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ประมาณ 4,000 ไร่ อ.ลานสัก และ อ.บ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี พบประมาณ 2,000 ไร่ โดยลักษณะอาการที่พบคือใบมีลักษณะด่างเหลือง การออกดอกและติดฝักน้อย ซึ่งอาการนี้จะพบในทุกระยะการเจริญเติบโต กรณีติดฝัก ฝักจะมีลักษณะโค้งงอ เล็กลีบ ดังนั้นจึงต้องมีการสำรวจและเก็บตัวอย่างลักษณะอาการใบด่างของถั่วเขียวในแหล่งปลูกถั่วเขียวในประเทศไทย และกำหนดมาตรการในการป้องกันกำจัด เพื่อเป็นการจำกัดขอบเขตของโรคนี้ไม่ให้ลุกลามไปยังแหล่งปลูกถั่วเขียวอื่น ๆ ที่ยังไม่มีการระบาดของโรค โดยขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้เร่งสำรวจพื้นที่ปลูกถั่วเขียวเพิ่มเติมที่อ.บึงนาราง จังหวัดพิจิตร ซึ่งมีพื้นที่ปลูกถั่วเขียวทั้งหมดจำนวนประมาณ 26,000 ไร่ อ.วิเชียรบุรี และ อ.เมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ พื้นที่ปลูกทั้งหมดจำนวนประมาณ 155,000 ไร่ โดยขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานการระบาดในเขตพื้นที่ปลูกถั่วเขียวภาคเหนือตอนบน
         อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไม่ให้แพร่กระจายจนส่งผลกระทบในวงกว้าง กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำแผนปฏิบัติงานฉุกเฉินกรณีตรวจพบโรคใบด่างถั่วเขียวในประเทศไทยโดยจัดประชุมชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร และผู้ประกอบการที่รับซื้อ รวมทั้งยังได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการสำรวจโรคใบด่างถั่วเขียวพื้นที่ปลูกถั่วเขียวในประเทศไทย โดยแบ่งพื้นที่สำรวจเป็น 2 ระยะ คือ ระยะต้นกล้า (15-20 วันหลังปลูก) และระยะออกดอกติดฝัก (35-45 วันหลังปลูก)  พร้อมกับวางแผนการสำรวจตามคู่มือของกรมวิชาการเกษตรโดยให้กระจายทั่วพื้นที่ปลูกในแต่ละอำเภอ

         ในระยะนี้ขอแจ้งเตือนเกษตรกรให้เฝ้าระวังและหมั่นสำรวจแปลงปลูกถั่วเขียวอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากเกิดการระบาดของโรคจะทำให้ผลผลิตลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์หรือไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย สำหรับแปลงที่พบโรคยังสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนการไถกลบได้ แต่ต้องไม่เก็บเมล็ดจากแปลงที่เป็นโรคไปใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ ควรปลูกพืชหมุนเวียน ใช้เมล็ดพันธุ์สะอาด และควรทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ใช้ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตทุกครั้ง หากพบแปลงปลูกใดมีใบลักษณะด่างเหลือง ออกดอกและติดฝักน้อย ฝักมีลักษณะโค้งงอเล็ก ลีบ ขอให้แจ้งสายด่วนเฝ้าระวังโรคใบด่างถั่วเขียว 06 1415 2517 หรือ กลุ่มวิจัยการกักกันพืช กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2561-2145 ต่อ 101