ประกันรายได้ข้าว-ยาง 63/64 "จุรินทร์"ยันเสนอเข้า ครม.แล้ว รอ ก.คลังชี้ คาดทัน ครม.สัญจรสัปดาห์หน้า

   

        กรุงเทพฯ 29 ต.ค.- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทําเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 ต.ค. เกี่ยวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกร ระบุว่าขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไปแล้ว 3 ตัวจากทั้งหมด 5 ตัว และตามนโยบายรัฐบาล คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติไปแล้ว 3 เรื่องคือ ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยังขาด ข้าว  กับ ยางพารา ซึ่งตนได้ลงนามเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ว่าขณะนี้ที่ยังไม่สามารถพิจารณาได้เพราะต้องรอความเห็นจากกระทรวงการคลัง เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นานและคาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้คือ ครม.สัญจรที่ภูเก็ต
        “สำหรับยางพาราขณะนี้ดีขึ้นมาก ตรวจสอบราคาล่าสุดที่ตลาดกลาง วันนี้ยางแผ่นรมควันราคาไปถึง 80 กว่าบาทและน้ำยางข้นแตะ 70 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ดีเกษตรกรก็น่าจะพอใจขึ้น ขณะเดียวกันสาเหตุเนื่องมาจากความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นและความต้องการของตลาดรถยนต์ที่เริ่มขยายตัวมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการยางรถยนต์เพิ่มขึ้น รวมทั้งสถานการณ์โควิดที่ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางมากขึ้น เพราะฉะนั้นความต้องการใช้น้ำยางดิบไปผลิตก็มีมากขึ้นและที่สำคัญคือมาตรการที่ถูกต้องชัดเจนของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมาในการไปเปิดตลาดยางในประเทศต่างๆ ขณะนี้กำลังเร่งรัดการส่งมอบ และการทำสัญญาเพิ่มเติมก็ช่วยให้ความต้องการที่จะเข้ามาซื้อยางเพื่อส่งออกมีเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งหมดนี้หลายปัจจัยก็ช่วยกันทำให้ราคายางในประเทศดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามถ้าถึงเวลาหนึ่งเกิดราคาตกลงมารัฐบาลก็ยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่จะเป็นตัวช่วยประกันรายได้ว่าอย่างน้อยยางแผ่นดิบก็จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท เป็นต้น " นายจุรินทร์ กล่าว
        ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรปี2 ได้ผ่านคณะรัฐมนตรีไปแล้ว 3 ชนิดคือการประกันรายได้ข้าวโพด ปาล์ม และมันสำปะหลัง แต่ยังค้างข้าวและยางพารา โดยข้าวนั้นคณะกรรมการ นบข.เห็นชอบ 18 มิ.ย. และ 17 ก.ค.63 จากนั้น รมต.พาณิชย์ ลงนามเสนอคณะรัฐมนตรี 21 สิงหาคม 2563 วงเงิน 23,495 ล้านบาท ส่วนยางพารา บอร์ด กนย. เห็นชอบเมื่อ 1 มิถุนายน 2563 จากนั้นนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ลงนามเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อ 14 กันยายน 2563 วงเงิน 28,847 ล้านบาท ล่าสุดปรากฏว่ายังติดความเห็นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ซึ่งเป็นขั้นตอนก่อนการบรรจุวาระเข้าคณะรัฐมนตรี
       โดยเรื่องนี้นายจุรินทร์ ได้ผลักดันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ได้เร่งรัดทางกระทรวงคลังให้ส่งความเห็น ทั้งนี้ เพื่อเป็นไปตามขั้นตอนและไม่ทำความเดือดร้อนของเกษตรกร ชาวนา ชาวสวนยางพารา เนื่องจากโครงการนี้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลและเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ขณะเดียวกันก็ผ่านขั้นตอนของคณะ กรรมการหรือบอร์ดมาแล้ว หากกระทรวงคลังต้องการเจ้าหน้าที่ชี้แจงทางกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์พร้อมชี้แจง

       ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : เพจ https://www.facebook.com/DemocratPartyTH/