ราคายางแรงไม่หยุดทะลุ 80 บาท/กิโลกรัม ก.เกษตร ลุย 6 มาตรการดันราคาขยับต่อเนื่อง

     กรุงเทพฯ 28 ต.ค.- นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงที่ห้องประชุม กระทรวงเกษตรฯ ถึงสถานการณ์ความต้องการยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยางที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ราคาในประเทศและในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นว่า เป็นผลจากปัจจัยกลไกตลาดและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลโดยเฉพาะการขับเคลื่อนโมเดล "เกษตรฯ-พาณิชย์ทันสมัย ซึ่งเป็นความร่วมมือการทำงานระหว่าง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ดำเนินงานร่วมกันตั้งแต่ปีที่แล้วทั้งโครงการประกันรายได้ชาวสวนยาง ล่าสุดออก 6 มาตรการปฏิรูปยางพาราตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอล เพื่อเพิ่มราคา สร้างเสถียรภาพราคา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เน้นลงทุนแปรรูปส่งเสริมวิจัยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้กลยุทธ์ใหม่ การขายการตลาดเชิงรุกเจาะจีนทุกมณฑล เปิดตลาดใหม่ในประเทศต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย   

     1.มาตรการตลาด และราคา (Market & Price)

     2.มาตรการการบริหารด้านอุปทาน (Supply Side Management)

     3.มาตรการการบริหารด้านอุปสงค์ ( Demand Side Management)

     4.มาตรการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม

      5.มาตรการลดสต็อกยางพารา และ

      6.มาตรการเพิ่มรายได้

      ด้าน นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย แถลงว่า ราคายางยังแรงไม่หยุด หลังปิดตลาดวันนี้ (28 ต.ค.63) ราคายางแผ่นรมควันพุ่งแตะสูงสุด 82.80 บาท/กก. ที่ตลาดกลางยางพารา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา ส่วนตลาดกลางฯ จ.สุราษฎร์ธานี ราคาอยู่ที่ 82.69 บาท/กก. โดยหลังจากเปิดตลาดสัปดาห์นี้เพียง 3 วัน ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 16 บาท คาดการณ์ว่าราคาสามารถพุ่งสูงต่อเนื่องอาจแตะ 100 บาท/กก. ได้ ทั้งนี้ ราคายางจะยังคงอยู่ในแนวบวกอย่างต่อเนื่อง และทะลุแนวต้านสูงสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน

       นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)กล่าวว่า ปัจจัยด้านอุปสงค์อุปทานและมาตรการส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศส่งผลให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นอ้างอิงได้จากปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติเดือนตุลาคม 2563 อยู่ที่ 4.4 แสนตัน น้อยกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ ร้อยละ 10 ขณะเดียวกันความต้องการยางในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ สินค้าประเภทยุทธภัณฑ์ ถุงมือยาง ยางยืด

       ผู้ว่า กยท.กล่าวเสริมว่า จีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ายางที่มากที่สุด มีการเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.9 ดัชนี PMI ของจีนยังอยู่ที่ 51.50 ซึ่งอยู่เหนือระดับ 50 สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว คำสั่งซื้อยางของจีนจากต่างประเทศกลับมาฟื้นตัว การจำหน่ายรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 63 กำลังการผลิตของโรงงานผลิตยางรถยนต์เพิ่มขึ้น จึงมีแนวโน้มใช้ยางมากขึ้น เชื่อว่าราคายางยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และเป็นที่น่าหวั่นใจว่า ต่อไปผลผลิตยางอาจจะไม่เพียงพอสำหรับความต้องการใช้ของตลาดต่างประเทศ 

       ขอบคุณข้อมูล-ภาพ : การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)