ใช้ประโยชน์จาก "เอฟทีเอ" เพิ่มส่งออกกล้วยสด-แปรรูป สร้างรายได้ช่วงโควิด-19

         กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จับมือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่สำรวจศักยภาพสินค้า สหกรณ์กล้วยแปรรูปตำบลหนองตูม จำกัด อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พร้อมจัดสัมมนา "โครงการพัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี" ดันสินค้ากล้วยไทยสู่ตลาดต่างประเทศ แนะใช้ประโยชน์เอฟทีเอเพิ่มแต้มต่อการส่งออก สร้างรายได้ช่วงโควิด-19
         นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 กรมฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ลงพื้นที่สำรวจศักยภาพสหกรณ์กล้วยแปรรูปตำบลหนองตูม จำกัด อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย สร้างความเข้าใจเรื่องการขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพิ่มแต้มต่อการส่งออก เนื่องจากประเทศคู่เอฟทีเอของไทย 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชีลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้ากับสินค้ากล้วยแปรรูปที่ส่งออกจากไทยแล้ว อาทิ กล้วยอบแห้ง กล้วยตาก และกล้วยฉาบ ยกเว้นอินเดียยังเก็บภาษีนำเข้าที่ 30% และเกาหลีใต้ 36% และประเทศคู่เอฟทีเอ 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชีลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้ากล้วยสดจากไทยแล้ว เหลือเพียงอินเดียและเกาหลีใต้ ที่เก็บภาษีอัตรา 30% ส่วนญี่ปุ่นกำหนดมาตรการโควตาภาษี โดยหากนำเข้าไม่เกิน 8,000 ตัน จะไม่เสียภาษีนำเข้า (ส่วนปริมาณที่เกินคิดที่ 10-20%)

         นางอรมน เพิ่มเติมว่า กรมฯ ยังได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ สหกรณ์จังหวัด และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การพัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี" ณ โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท จ.สุโขทัย โดยได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสินค้า การค้าระหว่างประเทศ มาตรฐานสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก และการค้าออนไลน์ มาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ให้กับสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร และอุตรดิตถ์ เพื่อให้เกษตรกรและสหกรณ์ฯ สามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศได้มากขึ้น สร้างรายได้แก่สหกรณ์และเกษตรกรกล้วยไทยอย่างยั่งยืน


         ปัจจุบัน ไทยส่งออกสินค้ากล้วยเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน (รองจากฟิลิปปินส์) และเป็นอันดับที่ 18 ของโลก เนื่องจากได้เปรียบด้านสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่สมบูรณ์ และแต้มต่อจากเอฟทีเอ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ไทยส่งออกกล้วยสดไปประเทศคู่เอฟทีเอ มูลค่า 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 99.47% ของการส่งออกกล้วยสดทั้งหมด ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และอาเซียน สำหรับกล้วยแปรรูป อาทิ กล้วยฉาบ และกล้วยเชื่อม ไทยส่งออกไปโลก มูลค่า 0.62 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 27% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา


         ทั้งนี้ สำหรับสหกรณ์กล้วยแปรรูปตำบลหนองตูม จำกัด มีสมาชิก 41 คน ดำเนินธุรกิจแปรรูปกล้วยน้ำว้าส่งตลาดทั้งในและต่างประเทศ มีปริมาณการผลิต 11,322.73 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,132.2 ล้านบาท แบ่งออกเป็นตลาดในประเทศ คิดเป็น 70% เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ นครสวรรค์ และตาก เป็นต้น โดยมีปริมาณ 7,925.91 ตัน มูลค่า 984.7 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ คิดเป็น 30% ได้แก่ จีน และเกาหลี โดยมีปริมาณ 3,396.82 ตัน มูลค่า 147.5 ล้านบาท และใช้ช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ อาทิ เฟสบุ๊ค และไลน์ อีกด้วย