ชาวไร่อ้อยขอ 1,000 บาทต่อตัน/ก.อุตฯ-สอน.เร่งหาทางช่วยเหลือ

     รุงเทพฯ 8 ส.ค.-นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงแนวทางช่วยเหลือชาวไร่อ้อย หลังจากตัวแทนชาวไร่อ้อยร้องให้ช่วยได้รับผลตอบแทนที่ ระดับ 1,000 บาทต่อตันอ้อย ว่า ได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการช่วยเหลือคาดว่าจะได้ข้อสรุปและนำเสนอ ครม.ได้ในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนเกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับผลตอบแทนในอัตรา 1,000 บาทต่อตันอ้อยหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงราคาอ้อยตลาดโลกที่ไทยส่งออกน้ำตาลไปขายประกอบด้วย

       นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาว่า รัฐบาลจะสามารถนำเงินส่วนใดมาช่วยเหลือได้บ้าง ในอดีตที่ผ่านมาฤดูกาลผลิตปี 2561/2562 รัฐบาลนำเงินช่วยเหลือประมาณ 6,500 ล้านบาท ฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 จะพิจารณาว่า จะสามารถของบกลางฯ มาช่วยได้หรือไม่ โดยจะปรึกษากับนายกรัฐมนตรีต่อไป หากทำได้เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น อีกรูปแบบคือ พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลใหม่ จะเปิดทางให้สามารถนำน้ำตาลไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้

       นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือชาวไร่อ้อย เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการปลูกอ้อยฤดูกาลผลิตปี 2562/2563 ว่า  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมอบนโยบายมาแล้ว ซึ่งขั้นตอนจากนี้ไป สอน.จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาจัดทำมาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสม ที่สำคัญการช่วยเหลือจะต้องไม่ขัดกับข้อตกลงขององค์การการค้าโลกหรือ WTO

       สำหรับราคาอ้อยที่เกษตรกรจะได้รับต่อตันอ้อยนั้น ขณะนี้สอน.ยังไม่สามารถประเมินราคาน้ำตาลได้ครบถ้วน เนื่องจากยังไม่มีการขายน้ำตาลในตลาดล่วงหน้า แต่คาดการณ์จากราคาตลาดโลกปัจจุบันคาดจะได้ผลตอบแทนระดับที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ราคาอ้อยอาจจะอยู่ในช่วง 800-900 บาทต่อตันอ้อย เท่านั้น ขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ ตันละ 1,100 บาท แน่นอน   

      ด้านรูปแบบการช่วยเหลือจะคล้ายกับการช่วยเหลือในฤดูการผลิตปี 2561/2562 คือ การช่วยเหลือจะกำหนดให้ไม่เกิน 5,000 ตันต่อราย ปีนี้มีนโยบายใหม่ส่งเสริมการตัดอ้อยสดซึ่งมีต้นทุนสูงกว่า อาจจะนำมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกร นับเป็นการช่วยเหลือทั้งด้านปัจจัยการและผลิตและเพิ่มการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย โดยต้องไม่ขัดกับข้อตกลง WTO ส่วนแหล่งเงินทุนจะให้กระทรวงการคลังช่วยพิจารณา