รัฐเยียวยาเกษตรกรเจอภัยแล้ง หลัง 15 ส.ค./นาข้าวเสียหายกว่า 1.2 ล้านไร่

      รุงเทพฯ 26 ก.ค.-นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ฝนทิ้งช่วง ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวว่า ได้รับรายงานการสำรวจพื้นที่นาข้าวเสียหายสิ้นเชิงจากกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ภาคกลางเสียหายกว่า 10,000 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 800,000 ไร่ ภาคเหนือกว่า 400,000 ไร่ รวมกว่า 1.2 ล้านไร่ สถานการณ์ขณะนี้เริ่มมีฝนตกหลายจังหวัด จึงช่วยทุเลาไม่ให้พื้นที่เกษตรเสียหายมากขึ้น

     “ขณะนี้ภาคอีสานฝนตกแล้วหลายจังหวัด ช่วยนาข้าวหอมได้บางส่วน เช่น ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี สุรินทร์ ขณะเดียวกันชาวนาที่ต้นข้าวเสียหายจากฝนทิ้งช่วง หากจะไถ่หว่านรอบใหม่ ขอให้อดใจรอ คาดหลังวันที่ 10 สิงหาคม ฝนจะตกตามฤดูกาล จึงค่อยลงมือเพาะปลูก ส่วนภาคกลางต้องขอร้องไม่ให้ทำนาต่อเนื่อง เพราะปริมาณน้ำใช้การได้ของเขื่อนหลัก 4 เขื่อนของลุ่มเจ้าพระยาน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย โดยเขื่อนภูมิพลเหลือเพียง 725 ล้าน ลบ.ม. หรือ 5% เขื่อนสิริกิติ์ 421 ล้าน ลบ.ม.หรือ 4% เขื่อนแควน้อยฯ มีน้ำ 86 ล้าน ลบ.ม. หรือ 9% เขื่อนป่าสักฯ มีน้ำ 38 ล้าน ลบ.ม. หรือ 4% รวม 1,300 ล้านลบ.ม.ขอให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นายประภัตร กล่าว

      นายประภัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังวันที่ 10 สิงหาคม จะสรุปความเสียหายพื้นที่เกษตรทุกชนิดให้ชัดเจนอีกครั้ง เพื่อนำเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่อ ครม.กลางเดือนสิงหาคม เบื้องต้นเกษตรกรจะได้รับเงินค่าชดเชยภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงคลัง โดยนาข้าว 1,113 บาทต่อไร่ ถ้าเป็นลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก. ส.) จะได้รับเบี้ยประกันภัยอีกไร่ละ 1,260 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่