สถานการณ์น้ำ "เขื่อนภูมิพล-สิริกิติ์" น่าเป็นห่วง

         นายประภัตร โพธสุธน ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนณเขื่อนภูมิพล ต.บ้านนา อ.สามเงา จ.ตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกรมชลประทานกรมส่งเสริมการเกษตรกรมฝนหลวงและการบินเกษตรและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องพร้อมรับฟังปัญหาของเกษตรกรเพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขต่อไปจากนั้นลงพื้นที่ดูสภาพน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อน


         นายประภัตร กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนทั้งสองอยู่ในเกณฑ์น้อย ซึ่งยังน่าเป็นห่วงโดยน้ำในเขื่อนภูมิพลขณะนี้เหลือน้ำใช้การได้ 892 ล้านลบ.ม. หรือ 9.2% น้อยกว่าปีที่แล้ว 2,553 ล้านลบ.ม. หรือ 74% และน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 1,984 ล้านลบ.ม. หรือ 69% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้อยมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนตั้งแต่ 1 ม.ค. - 18 ก.ค. 62 รวม 303  ล้านลบ.ม. ใกล้เคียงกับสถานการณ์น้ำไหลเข้าเขื่อนปี 2536, 2541 และ 2558 ซึ่งเป็นปีที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนตลอดทั้งปีเพียง 2,382 1,470  และ 1,891 ล้านลบ.ม. ตามลำดับ ปริมาณน้ำระบาย 23 ล้านลบ.ม.ต่อวัน (ณ วันที่ 18 ก.ค.62) คาดการณ์ว่าจะเหลือน้ำใช้ได้อีก 40 กว่าวัน

 

         อย่างไรก็ตาม ยังไม่ประกาศให้งดใช้น้ำแต่จะใช้ระบบชะลอการสูบน้ำคือสูบ 3 วันหยุด 4 วัน ทั้งนี้หากไม่มีฝนตกลงมาจะส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าวของชาวนาที่ปลูกไปแล้วการจัดสรรน้ำครั้งนี้จึงต้องทำอย่างมีระบบโดยบูรณาการทุกฝ่ายทั้งฝ่ายปกครองผู้ว่าว่าราชการจังหวัดเกษตรและสหกรณ์จังหวัดรวมถึงชาวบ้านที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจเพื่อลดความเสียหายในการเพาะปลูกที่สำคัญต้องใช้ระบบหมุนเวียนเพื่อให้น้ำไปลงไปถึงเขื่อนเจ้าพระยาและกระจายน้ำไปถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้จึงต้องความร่วมมือจากจังหวัดต้นทางคือกำแพงเพชรและนครสวรรค์ให้ชะลอการสูบน้ำลง
         "เชื่อว่าปริมาณน้ำจะมีเพียงพอตลอดฤดูนี้ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้ใช้น้ำอย่างประหยัดและมีระเบียบโดยสลับการใช้น้ำการประชุมกันในวันนี้ก็เพื่อชี้แจงให้พี่น้องเกษตรกรได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องเพราะหากไม่มีฝนก็อย่าเพิ่งทำนาต้องชะลอไปก่อนส่วนจะมีการแก้ไขอย่างไรนั้นจะนำการประชุมพิจารณาในวันนี้ไปหารือกับนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ(กนช.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไปหากบูรณาการทุกฝ่ายมาช่วยกันเชื่อว่าสำเร็จแน่นอน" นายประภัตร กล่าว


         สำหรับสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา (4 เขื่อนหลัก) มีปริมาณน้ำใช้การรวม 1,560 ล้านลบ.ม. (ณ วันที่ 19 ก.ค.62) แบ่งเป็น 1) เขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำเก็บกัก 4,692 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 892 ล้านลบ.ม. 2) เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 3,373 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ได้ 523 ล้านลบ.ม. 3) เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำเก็บกัก 144 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำที่นำมาใช้ได้ 101 ล้านลบ.ม. 4) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 47 ล้านลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 44 ล้านลบ.ม. ส่วนแผนจัดสรรน้ำตลอดฤดูฝนปี 2562 ตั้งแต่1 พ.ค. 62 - 31 ต.ค. 62 ใน 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยาปริมาณ 4,400 ล้านลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้ว 3,716 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 84% คงเหลือจากแผน 684 ล้านลบ.ม. คิดเป็น16% เพาะปลูกข้าวฤดูฝนไปแล้ว 6.21 ล้านไร่จากแผน 7.65 ล้านไร่ คิดเป็น 81.14%


         ด้าน นายธรรมนัส กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของปัญหาภัยแล้งที่เกิดฝนทิ้งช่วงหากมุ่งแต่เรื่องชลประทานอย่างเดียวไม่ได้ทุกภาคส่วนต้องร่วมแก้ปัญหาอย่างจริงจังโดยเฉพาะการเติมฝนกรมฝนหลวงฯต้องบูรณาการร่วมกับกองทัพบกกองทัพอากาศกองทัพเรือและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรถึงเติมน้ำลงมาได้โดยจะนำเรื่องนี้หารือกับนายกฯและรองนายกฝ่ายความมั่นคงเพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง