กรมวิชาการเกษตร หนุนปลูกแล้ว 18 ชนิดพืชสมุนไพรมาตรฐาน GAP

         ดร.เสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดพืชสมุนไพรไทยทั้งในและตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกปีละนับแสนล้านบาท โดยสมุนไพรไทยในกลุ่มเสริมอาหารมีมูลค่าการใช้และส่งออกรวมกว่า 80,000 ล้านบาท กลุ่มสปาและผลิตภัณฑ์มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท และกลุ่มยาแผนโบราณตามภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท กรมวิชาการเกษตรจึงได้เร่งผลักดันให้เกษตรกรปลูกสมุนไพรภายใต้ระบบ GAP เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น


         โดยขณะนี้มีแปลงปลูกสมุนไพรเข้าระบบรับรองแปลง GAP แล้วจำนวน 18 ชนิด ได้แก่ กระชาย กระชายดำ ขมิ้นชัน บัวบก ขิง ข่า อบเชย ว่านหางจระเข้ ว่านชักมดลูก ว่านนางคำ ฟ้าทะลายโจร ฟักข้าว เจียวกู่หลาน เพกา เพชรสังฆาต มะดัน หญ้าปักกิ่ง หญ้าหวาน จำนวน 818 ราย เป็นพื้นที่ 2,842.46 ไร่ โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นสมุนไพรประเภท Product champion คือ บัวบก ไพล กระชายดำและขมิ้นชัน จำนวน 134 ราย คิดเป็นพื้นที่ 165.23 ไร่ และเตรียมเข้าระบบรับรองแปลงอินทรีย์ มีพืช 21 ชนิด ได้แก่ กระชาย กระชายดำ ขมิ้นชัน บัวบก ขิง ข่า อบเชย ว่านน้ำ ว่านหางจระเข้ ว่านชักมดลูก ว่านนางคำ ฟ้าทะลายโจร ฟักข้าว หญ้าปักกิ่ง ย่านาง หญ้าหวาน เจตมูลเพลิง เจียวกู่หลาน เพกา เพชรสังฆาต กระทือ จำนวน 458 ราย พื้นที่ 280.1 ไร่ โดยมี Product champion บัวบก ไพล กระชายดำ ขมิ้นชัน รวม 47 ราย พื้นที่ 39.88 ไร่

         "ปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีแนวโน้มการเติบโตที่ก้าวกระโดด เนื่องจากผู้บริโภคมีความใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้มีการนำสมุนไพรมาผลิตเป็นยาใช้ทางการแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลมากขึ้น เฉพาะยาแผนไทยที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 71 รายการพบว่ามีมูลค่าการใช้ราว ปีละ 14,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายงานของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกพบว่า ผลของการพัฒนาและเติบโตของตลาดนวดไทย สปา และผลิตภัณฑ์สปาพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้มีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ 30" นายสมบัติ กล่าว


         จากสถานการณ์ดังกล่าว เกษตรกรจะต้องเร่งพัฒนาวัตถุดิบพืชสมุนไพรและผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานมากขึ้น เนื่องจากแต่ละประเทศได้ออกกฎระเบียบการค้าและกำหนดมาตรฐานวัตถุดิบออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่มีสารสำคัญออกฤทธิ์ ไม่มีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ เชื้อรา โลหะหนัก และสิ่งเจือปนอื่นเกินมาตรฐาน และเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบการผลิตพืชอินทรีย์ที่ได้รับรองมาตรฐาน