กรมข้าวหนุน"วิสาหกิจแปลงใหญ่"ผลิตข้าวชั้นดีป้อนตลาดรับกระแส กข.43 มาแรง

     รุงเทพฯ - นายประสงค์ ประไพตระกูล อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.โพนข่า จ.ศรีสะเกษ ว่าระยะแรกกรมมีแผนดำเนินงานวิสาหกิจแปลงใหญ่ต้นแบบ 2 แปลง คือกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.โพนข่า จ.ศรีสะเกษ และกลุ่มนาแปลงใหญ่สหกรณ์พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

     สำหรับกลุ่มนาแปลงใหญ่ ต.โพนข่า ตั้งอยู่บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ ได้ดำเนินการขยายธุรกิจการปลูกข้าวขาวดอกมะลิ 105 ส่งให้บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด จากพื้นที่ 600 ไร่ เกษตรกร 37 ราย เป็น 1,200 ไร่ 90 ราย อีกทั้ง กลุ่มยังขยายธุรกิจเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีศูนย์ข้าวชุมชนภายในนาแปลงใหญ่ โดยจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ให้บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เพื่อให้บริการแก่สมาชิกของกลุ่ม พร้อมร่วมกับบริษัทโก๋แก่ นำถั่วลิสงมาปลูกเป็นพืชหลังนาและรับซื้อคืน ทั้งบริษัทยังได้แนะนำให้ปลูกแตงโมหลังนาที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีความหวานตรงกับความต้องการของตลาด โดยได้ส่งผลผลิตให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการด้านการตลาด เป็นการหารายได้เสริมให้แก่สมาชิกอีกทางด้วย

 

     ส่วนกลุ่มนาแปลงใหญ่พรหมพิราม มีพื้นที่ดำเนินการ 2,000 ไร่ เกษตรกรร่วมโครงการ 138 ราย ซึ่งกลุ่มนี้ได้วางแผนร่วมกันระหว่างผู้จัดการสหกรณ์ ผู้อำนวยการสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่สหกรณ์ที่ดูแลการผลิตข้าว กข 43 ผู้จัดการแปลง (เจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก กรมการข้าว) และผู้แทนบริษัท ซีพี จำกัด ได้ข้อสรุปว่าการปลูกข้าวพันธุ์ กข 43 ได้ดำเนินการปีนี้เป็นปีที่ 2 หลังมีกระแสตอบรับอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้าวพันธุ์ กข 43 เป็นข้าวดรรชนีน้ำตาลค่อนข้างต่ำจึงได้รับนิยมอย่างรวดเร็ว ทั้งการซื้อขายตลาดปกติ ตลาดออนไลน์ ซึ่งปีที่ 2 นี้ได้วางแผนบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร มีระบบตรวจสอบรับรอง GAP ตรวจสอบย้อนกลับ ด้านการบริหารงานเชิงธุรกิจครบวงจรได้นำผลผลิตข้าว กข 43 ส่งให้บริษัท ซีพี จำกัด บางส่วนสหกรณ์ผลิตและจำหน่ายเอง หลังฤดูทำนาก็ได้ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พร้อมส่งผลผลิตให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการด้านการตลาด

     “การดำเนินงานวิสาหกิจแบบแปลงใหญ่ (Mega Farm Enterprise) เป็นการพัฒนาระบบเกษตรของไทยตั้งแต่เริ่มต้นผลิตกระทั่งออกสู่ตลาดโดยเกษตรกรสามารถลดต้นทุนผลิต ให้ผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น สิ่งสำคัญผลผลิตที่ได้มีมาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาด ภายได้การบูรณาการภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนร่วมกับกลุ่มเกษตรกร”