กรุงเทพฯ 30 พ.ค.-นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศได้อนุมัติเทศบัญญัติและข้อบัญญัติจจังหวัดงบประมาณปี 2562 เพิ่มเติมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลสามารถใช้งบท้องถิ่นทำถนนพาราซอยซีเมนต์ในพื้นที่ชนบทได้แล้ว ทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น โดยเมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ปิดสูงสุดที่ 55.31 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2561 ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท

     ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินมาตรการระยะกลาง และระยะยาวเพื่อกระตุ้นราคายางโดยเพิ่มสัดส่วนการใช้ยางภายในประเทศ ที่สำคัญคือ โครงการถนนยางพาราซอยด์ซีเมนต์ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ความยาวถนนดินลูกรังที่อยู่ในแผนปรับเป็นถนนดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพด้วยยางพาราไร้ฝุ่นระยะทางยาง 300,000 กิโลเมตร ซึ่งแต่ละท้องถิ่นจะทยอยจัดทำ โดยถนน 1 กิโลเมตรใช้ยางพารา 1.3 ตัน คาดว่า ปริมาณการใช้ในโครงการสร้างถนนจะไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านตัน โดยเป็นมาตรการระยะกลางและระยะยาวที่จะทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นอีกและมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง

     ด้าน นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือ 1,800 บาท/ไร่ มาตรการระยะสั้นในการช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนสร้างความเข้มแข็ง ช่วยเหลือค่าของชีพของคนกรีดยางให้ดีขึ้น มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 820,862 ราย พื้นที่ 7,838,839.96 ไร่ แบ่งเป็นเกษตรกรเจ้าของสวนยาง ผู้เช่าสวนยาง ผู้ทำสวนยาง 747,852 ราย คนกรีดยาง 89,022 ราย ขณะนี้จ่ายผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) แล้ว 12,856 ล้านบาทเศษ บาท คิดเป็นร้อยละ 91.11 โดยที่เหลืออีกร้อยละ 8.89 อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ในพื้นที่ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลของเกษตรกรเช่น ชื่อ-นามสกุลผิด เลขที่บ้าน และการเปลี่ยน แปลงเอกสารสิทธิ์ รวมถึงระบบฐานข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน กยท.แต่ละจังหวัดกำลังเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด