โชว์แปลงเกษตรอัจฉริยะ "ข้าว จ.สุพรรณบุรี"

         นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ขานรับนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยไปสู่ยุค Thailand 4.0 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)ซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ก่อให้เกิดการเพิ่มมูลค่า และการเพิ่มผลิตภาพโดยอาศัยเทคโนโลยีวิทยาการสมัยใหม่และความคิดสร้างสรรค์ เป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้นด้วยการส่งเสริมการนำแนวคิดเกษตรอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตและปรับรูปแบบการทำเกษตรประมง และปศุสัตว์ ให้เกิดเป็นรูปธรรมตลอดจนแนวโน้มการทำเกษตรกรรมของโลกที่กำลังปรับเปลี่ยนไปจากการเกษตรดั้งเดิม พัฒนาไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ และการเกษตรอัจฉริยะสูงขึ้นรวมทั้งภาคการเกษตรของประเทศไทยในอนาคต ที่กำลังเผชิญสภาวะการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร


         กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงเล็งเห็นความสำคัญของทิศทางของการเปลี่ยนแปลงการพัฒนาการเกษตรในปัจจุบัน สู่การเกษตรอัจฉริยะ มุ่งสู่เกษตรสมัยใหม่ เกษตรแม่นยำด้วยการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนกระบวนการผลิตทางการเกษตร สอดคล้องกับการพัฒนาที่มุ่งสู่เกษตร 4.0 เพื่อทำให้อาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง ยั่งยืน สร้างรายได้ที่ดี และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผน ตลอดจนขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ ขับเคลื่อนเกษตรอัจฉริยะให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 3 ด้าน ในปี 2562


         ประกอบด้วย 1.การจัดทำแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในกระบวนการการผลิต ใน 6 พืช ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรด ในพื้นที่แปลงใหญ่ และมะเขือเทศในโรงเรือนอัจฉริยะ 2. การพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Platform)และ 3. การจัดทำแผนแม่บท หรือ Roadmap การขับเคลื่อนการเกษตรอัจฉริยะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
         นายอภัย สุทธิสังข์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดการจัดงานรณรงค์การใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตข้าวในนาแปลงใหญ่ ปี 2562 ณ นาแปลงใหญ่บ้านสวนแตง ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี ว่า งานรณรงค์การใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นที่แปลงของ นายพิชิต เกียรติสมพร Smart Farmer และประธานกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวบ้านสวนแตง ที่มีสมาชิกแปลงใหญ่ 83 ราย พื้นที่ 1,030 ไร่

         โดยสาธิตและถ่ายทอดเทคโนโลยีการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในกระบวนการผลิตข้าวในแปลงต้นแบบ 20 ไร่ ซึ่งข้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เกษตรกรปลูกเป็นจำนวนมากถึง 62 ล้านไร่ทั่วประเทศโดยเน้นการเปรียบเทียบกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมของเกษตรกร กับกรรมวิธีตามแนวทางของเกษตรอัจฉริยะ ที่ได้มีการประสานความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อนำเทคโนโลยีด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในแปลงเรียนรู้ครอบคลุมตลอดทั้งกระบวนการผลิตพืช เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน การวิเคราะห์ดินเพื่อจัดทำแผนที่แสดงความอุดมสมบูรณ์ของดิน การเตรียมพันธุ์พืช การดูแลกำจัดศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยว โดยนำนวัตกรรม เทคโนโลยี และเครื่องจักรต่างๆมาใช้


         อาทิ เครื่องปลูก เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ เครื่องกำจัดวัชพืชที่มีความแม่นยำสูง เครื่องตรวจวัดความต้องการธาตุอาหารพืช เครื่องให้ปุ๋ยอัติโนมัติตามค่าวิเคราะห์ดิน ระบบการควบคุมการให้น้ำอัจฉริยะ การใช้อากาศยานไร้คนขับในการสำรวจการเจริญเติบโตของพืชร่วมกับการพ่นสารชีวภัณฑ์ เครื่องเก็บเกี่ยวอัตโนมัติ การใช้ sensor ตรวจวัดสภาพอากาศและสภาพแวดล้อม รวมไปถึงการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแปลงเรียนรู้เพื่อนำไปสู่พัฒนา Big Data Platform ที่สามารถประมวลผลข้อมูลผ่านระบบ internet เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งระบบการประมวลผลเหล่านี้คณะกรรมการฯกำลังขับเคลื่อนให้เกิดศูนย์ปฏิบัติการหลักหรือ War room ที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการจัดการข้อมูลเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรโดยเฉพาะเกษตรกรในกลุ่มแปลงใหญ่ได้นำไปใช้ถือเป็นครั้งแรกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วยโดยมีเป้าหมายจัดทำแปลงเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะใน 5 ชนิดพืช ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อย มันสำปะหลัง และสับปะรด


         "กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดหวังเป็นอย่างยิ่งให้เกษตรกร Smart Farmer, Young Smart Farmer ทั้งในจ.สุพรรณบุรี และจังหวัดใกล้เคียงอีก 5 จังหวัด จำนวน 300 คน ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้เห็นอย่างประจักษ์ทั่วกันว่าแนวทางเกษตรอัจฉริยะนั้นเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นรูปธรรม และได้เรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆ และเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่มาช่วยในการทำเกษตรที่สามารถทำได้จริงโดยการสาธิตเปรียบเทียบการทำเกษตรกรรมระหว่างวิธีการทำเกษตรแบบดั้งเดิมของเกษตรกร กับวิธีการทำเกษตรแบบเกษตรอัจฉริยะนี้แสดงให้เห็นว่าสามารถลดต้นทุนการผลิตและมีความแม่นยำสูงสามรถเพิ่มผลผลิตได้"


         นางสาววราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมงานจะได้เรียนรู้กระบวนการการผลิตพืชทั้งระบบด้วยวิธีเกษตรอัจฉริยะ ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การสาธิตระบบเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะสำหรับการผลิตข้าวโดยวิธีการปลูกข้าวแบบอัจฉริยะ 2 ระบบ คือ ระบบนาดำ และระบบการทำนาหยอดข้าวงอกร่วมกับการใช้ระบบควบคุมการให้น้ำอัจฉริยะในแปลงนาซึ่งคิดค้นโดยวิศวกรของกรมชลประทาน ที่ควบคุมด้วยระบบ sensor ที่สามารถส่งข้อมูลไปยัง แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของเกษตรกรได้ซึ่งเหมาะสมกับวิธีทำนาเปียกสลับแห้ง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้นำเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่หลากหลายมาผสมผสานใช้เป็นต้นแบบในแปลงเรียนรู้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำเทคโนโลยีและแนวทางการทำเกษตรอัจฉริยะไปขยายผลในเกษตรแปลงใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลเกษตรอัจฉริยะ หรือ War room เพื่อช่วยประมวลผลและจัดส่งข้อมูลให้เกษตรกรเพื่อช่วยในการตัดสินใจในระบบการทำเกษตรกรรมได้อย่างแม่นยำผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้