กสก. เร่งจ่ายเงินเกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยช่วงแล้ง ไร่ละ 600 บาท

         นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้มีการเร่งจ่ายเงินค่าครองชีพไร่ละ 600 บาท พร้อมกำชับให้ดูแลและติดตามเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เพราะคาดว่าผลกระทบจากภัยแล้งอาจยาวนานต่อเนื่อง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2562 ที่ประชุมมีมติให้มีการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา เป็นปัจจัยการผลิตกับเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 13 ทุ่ง และพื้นที่งดทำนาปรัง มาปลูกพืชผัก พืชไร่ ใช้น้ำน้อยช่วงฤดูแล้งนี้
         ทั้งนี้เกษตรกรต้องไม่เคยเข้าร่วมโครงการที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทุกโครงการในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยจะจ่ายให้กับเกษตรกรครัวเรือนละ 1 สิทธิ์ ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ตามพื้นที่ปลูกจริงไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ เป็นเงินประมาณ 9,000 บาท ในพื้นที่เป้าหมาย 4.87 ล้านไร่ เกษตรกร 330,000 ครัวเรือน ภายใต้กรอบวงเงิน 2,932 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพและเป็นการลดภาระค่าครองชีพควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรสามารถรักษาศักยภาพการผลิต ส่งผลให้คุณภาพชีวิตมีความมั่นคงเข้มแข็งในการประกอบอาชีพ

 


         สำหรับเงื่อนไขในการรับสมัคร คือ เป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/2562 ในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 61 - 31 มี.ค 62 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 31 พ.ค. 2562 เกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/2562 ยกเว้นภาคใต้ และพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย. 61 - 30 เม.ย 62 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 และเป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2562 - 15 มิ.ย. 2562 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 15 ส.ค. 2562
         และต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561) ปีใดปีหนึ่ง และเป็นพื้นที่เฉพาะที่นา ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไปแต่ไม่เกิน 15 ไร่ โดยช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชอื่นๆ ในนา เช่น พืชไร่ พืชผัก พืชใช้น้ำน้อย พืชอาหารสัตว์ พืชปรับปรุงบำรุงดิน เป็นต้น ยกเว้น อ้อยและสับปะรด กรณีเกษตรกรปลูกพืชหลังนามากกว่า 1 ชนิด สามารถเลือกชนิดพืชในการขอรับการช่วยเหลือแต่พื้นที่รวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 15 ไร่ ต่อครัวเรือน และหากเกษตรกรปลูกพืชอายุสั้นที่มีการเพาะปลูกหลายรอบการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เช่น พืชผัก สามารถเข้าร่วมโครงการขอรับการช่วยเหลือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเกษตรกรต้องแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง เพราะจะมีคณะทํางานตรวจสอบสิทธิ์ระดับตําบล เป็นผู้ตรวจสอบสิทธิ์ และเกษตรกรสามารถแจ้งขอรับสิทธิ์ได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูกตามเวลาที่กำหนด

 

         ขณะที่เงินช่วยเหลือชาวสวนปาล์มไร่ละ 1,500 บาท อีกประมาณ 90,000 ครัวเรือน ที่กำลังรออยู่ ขณะนี้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับเกษตรกรได้ตั้งแต่ประมาณสัปดาห์หน้า