สรุปราคาอ้อยฤดูผลิต61/62+เงินช่วยเหลือ 880-900 บาท/ตัน

    กรุงเทพฯ - นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2562 ที่ผ่านมา เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 ในอัตราอ้อยตันละ 700 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ 97.29 ของประมาณการ ราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ 719.47 บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ 42.00 บาทต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2561/2562 เท่ากับ 300 บาทต่อตันอ้อย ตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเสนอ โดยได้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อคัดค้านของผู้แทนสถาบันชาวไร่อ้อยและผู้แทนสมาคมโรงงาน ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2527 เรียบร้อยแล้ว 

      นายสมชาย กล่าวว่า ขณะนี้โรงงานเริ่มทยอยเปิดหีบอ้อยฤดูการผลิตปี 2561/2562 ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้นฯแล้วกระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ เพื่อโรงงานน้ำตาลจะได้ชำระค่าอ้อยให้แก่ชาวไร่อ้อยโดยเร็วต่อไป 

      “ราคาอ้อยขั้นต้นฯ ฤดูผลิตปี 2561/2662 ที่ 700 บาทต่อตันอ้อยนี้ หากรวมกับฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อ 10 ตุลาคม 2561 ให้นำมาช่วยเหลือชาวไร่อ้อยด้านปัจจัยการผลิตที่จำเป็นในอัตราไม่เกิน 50 บาทต่อตันอ้อย รายละไม่เกิน 5,000 ตันอ้อย รวมเป็นเงิน 6,500 ล้านบาท”นายสมชาย กล่าว  

      ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวไม่ขัดต่อพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เนื่องจากเป็นการอุดหนุนด้านปัจจัยการผลิต (Input Subsidies) ถือเป็นการอุดหนุนภายในที่ยกเว้นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรัฐสามารถดำเนินการได้ นอกจากนี้ ยังมีเงินส่วนแบ่งรายได้ผ่านโครงการจัดสรรเงินรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้แก่ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลเพิ่มเติมอีกในเบื้องต้น ส่วนของชาวไร่อยู่ที่ประมาณ 53 บาทต่อตันอ้อย และในส่วนของโรงงานอยู่ที่ 22.71 บาทต่อตันอ้อย เมื่อรวมกับค่าส่วนเพิ่มจากคุณภาพอ้อยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยเกษตรกรชาวไร่อ้อยจะได้รับราคาอ้อยประมาณ 880-900 บาทต่อตันอ้อยที่ค่าความหวานเฉลี่ยประมาณ 12.30 ซี.ซี.เอส 

      โดยจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ซึ่งคาดว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือและเงินส่วนแบ่งรายได้ดังกล่าวข้างต้นได้ในรอบแรกเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และรอบที่ 2 จะจ่ายได้ภายหลังปิดหีบอ้อย ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ได้รับผลกระทบจากทั้งด้านราคาที่ตกต่ำและภายใต้การเปลี่ยนแปลงของระบบอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งชาวไร่อ้อยสามารถนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการเพาะปลูกและบำรุงรักษาอ้อยและการดำรงชีพต่อไป จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม

AD BANNER HEAD