รัฐสั่งแก้หนี้เกษตรกรทุกกลุ่ม : ธ.ก.ส. ขานรับเร่งสอบหนี้ช่วยเหลือตามจริง!

 

       รุงเทพฯ 14 พ.ย.-นายศรายุทธ ยิ้มยวน รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ได้เห็นชอบให้ดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ที่เป็นหนี้กับ ธ.ก.ส.โดยดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเกษตรกรสมาชิก กฟก.จำนวน 36,605 ราย ที่มีสถานะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ด้วยการพักต้นเงินครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) และดอกเบี้ยทั้งหมดไว้ก่อน สำหรับต้นเงินอีกครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50) ให้เกษตรกรทำสัญญาผ่อนชำระตามกรอบเวลาที่ตกลงกันแต่ไม่เกิน 15 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-3 เมื่อเกษตรกรชำระหนี้ตามสัญญาใหม่เรียบร้อยแล้ว ดอกเบี้ยที่พักไว้ ธ.ก.ส.จะยกให้เกษตรกร ส่วนต้นเงินที่เหลืออีกร้อยละ 50 ให้นำมาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ภายใต้ศักยภาพของลูกหนี้แต่ละราย โดยใช้หลักที่เป็นธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อภาระของเกษตรกร พร้อมทั้งให้สำนักงาน กฟก.ดำเนินการฟื้นฟูพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพียงพอต่อไป

       นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยธรรมชาติ ปัญหาค่าครองชีพเพิ่มสูงรายได้จากการทำเกษตรไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ เป็นต้น เกษตรกรกลุ่มนี้ต้องการให้รัฐเข้าไปช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้สินเช่นเดียวกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาให้ความช่วยเหลือให้ครอบคลุมเกษตรกรทุกกลุ่ม ไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิก กฟก.เท่านั้น โดยช่วยเหลือให้เหมาะสมตรงกับสภาพปัญหาที่แท้จริงของเกษตรกร เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

       พร้อมกล่าวว่า ในการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว ธ.ก.ส.จะทำการสอบทานหนี้ของเกษตรกรทุกราย หากพบว่าเกษตรกรมีหนี้ที่เป็นภาระหนัก ธ.ก.ส. จะให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ เช่น กรณีเกษตรกรไม่มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ เนื่องจากชราภาพ พิการหรือเสียชีวิต จะพิจารณาจำหน่ายหนี้ออกจากบัญชีเป็นรายๆไป รวมทั้งกรณีเกษตรกรมีหนี้ที่เป็นภาระหนักไม่สอดคล้องกับรายได้ จะดำเนินการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับศักยภาพและรายได้ของเกษตรกรแต่ละราย โดยจะขยายเวลาชำระหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 20 ปี อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรทั้งประเทศดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีความรอบคอบ คำนึงถึงหลักความเป็นธรรมและไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในระยะยาว