"ไก่ประดู่หางดำ"อาชีพเสริม"ทุนต่ำ-เลี้ยงง่าย-กำไรงาม"

 

 

       กรุงเทพฯ - นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเลี้ยงไก่พื้นเมืองพันธุ์ประดู่หางดำ ที่นับเป็นทางเลือกใหม่ของเกษตรกรในจังหวัดหนองคาย ซึ่งจากการติดตามของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 (สศท.3) ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.นาดี อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย พบว่า เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองมากขึ้น ซึ่งจากเดิมเกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงสุกร แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาสุกรลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองแทน เพราะได้กำไรดีกว่า แถมเลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ ทนต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมได้ดี

      การเลี้ยงนิยมเลี้ยงปล่อยอิสระ ทำให้ไก่ไม่เครียด แข็งแรง เจริญเติบโตตามธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเร่งการเจริญเติบโตเหมือนกับไก่พันธุ์เนื้อที่เลี้ยงในโรงเรือน อีกทั้งสามารถลดการใช้ยาปฏิชีวนะลงได้มาก และจากที่พันธุ์ไก่ขาดตลาด เกษตรกรจึงเริ่มหันมาปลูกสร้างโรงเรือนเพื่อเพาะพันธุ์ไก่ด้วยตนเอง ด้านต้นทุน พบว่า เกษตรกรเลี้ยงไก่ 1,000 ตัว จะมีต้นทุนค่าพันธุ์ไก่เฉลี่ย 25,000 บาท  ค่าอาหารไก่เฉลี่ย 30,000 บาท ค่ายาปฏิชีวนะและวัสดุอุปกรณ์เฉลี่ย 5,000 บาท รวมต้นทุนเฉลี่ย 60,000 บาท โดยไก่ใช้ระยะเวลาเจริญเติบโต 3-4 เดือน ได้ผลผลิตอย่างน้อย 800 ตัว น้ำหนักตัวเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม ขายราคากิโลกรัมละ 100 บาท คิดเป็นรายได้ 120,000 บาท  (คิดเป็นกำไรประมาณ 60,000 บาท) ซึ่งถือเป็นอาชีพทางเลือกที่สร้างรายได้ให้เกษตรกรในช่วงเวลาว่างจากการทำการเกษตรได้เป็นอย่างดี

      ด้านนางเพ็ญศิริ วงษ์วาท ผู้อำนวยการ สศท.3 กล่าวเสริมว่า จากการได้พูดคุยกับนายไพรวัล ยางคง ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง ต.นาดี พบว่า ขณะนี้ทางกลุ่มมีโครงการซื้อตู้ฟักไข่มาใช้เพื่อเพาะพันธุ์ไก่ไว้เลี้ยงภายในชุมชนและรองรับความต้องการเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมืองของเกษตรกรทั่วไป ซึ่งสามารถลดต้นทุนค่าพันธุ์ไก่ได้อีกด้วย โดยปัจจุบันมีพ่อค้ามารับซื้อในหมู่บ้านและบางส่วนส่งออกไปประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจเลี้ยงไก่พื้นเมืองพันธุ์ประดู่หางดำ สามารถขอคำแนะนำจาก คุณไพรวัล ยางคง ประธานกลุ่มเลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง ตำบลนาดี ซึ่งยินดีให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่เพื่อนเกษตรกร ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 084 791 8650 (ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี)