เกษตรฯจับมือศุลกากร สกรีนเข้ม "ส้มแมนดารินจีน" ห้ามติดกิ่ง-ใบ

         นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ช่วงเดือน ต.ค. - พ.ย. จะเป็นช่วงฤดูกาลที่ประเทศไทยนำเข้าส้มแมนดารินจากประเทศจีนจำนวนมาก โดยผ่านด่านตรวจพืชท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตร ได้พบปัญหาการมีใบและกิ่งส้มติดมากับผลส้มที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และข้อตกลงตามพิธีสารไทย-จีน

         ดังนั้น ด่านตรวจพืชแหลมฉบังจึงได้จัดทำแผนเฝ้าระวังและควบคุมการนำเข้าส้มแมนดารินจากประเทศจีน โดยได้จัดประชุมร่วมกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ผู้ประกอบการและตัวแทนผู้ประกอบการนำเข้า เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติการตรวจปล่อยและนำเข้าผลส้มแมนดารินให้เป็นไปตามเงื่อนไขการนำเข้าของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยขอความร่วมมือกำหนดสถานที่ตรวจร่วมสินค้าเกษตรระหว่างศุลกากรกับด่านตรวจพืชแหลมฉบัง พร้อมกับกำหนดวิธีสุ่มตรวจโดยเปิดสินค้าทุกตู้คอนเทรนเนอร์ 100% กำหนดรูปแบบในการสุ่มเปิดตรวจ 2 รูปแบบ โดยพิจารณาจากประวัติการนำเข้าของผู้นำเข้าแต่ละรายที่มีประวัติการนำเข้าดี ไม่ผิดเงื่อนไขการนำเข้า จะได้รับการพิจารณาสุ่มตรวจ 1 : 3 ของจำนวนตู้สินค้าทั้งหมดที่นำเข้าในวันนั้น พร้อมกับได้วางมาตรการติดตามและเฝ้าระวังหลังการตรวจปล่อย จากด่านตรวจพืชแล้ว โดยขอความร่วมมือสารวัตรเกษตรและตำรวจเศรษฐกิจตรวจสอบการครอบครองส้มแมนดารินของผู้นำเข้า ณ ตลาดไทย ตลาดไทยไอยรา ตลาดสี่มุมเมือง และตลาดค้าส่งอื่นๆ

         สำหรับสาเหตุที่ห้ามไม่ให้มีใบและกิ่งส้มติดมา เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคและแมลงศัตรูพืชที่ไม่มีในประเทศไทยติดเข้ามาแพร่ระบาดก่อให้เกิดความเสียหายในแหล่งปลูกส้ม และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ของไทย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกร หากตรวจพบแมลงศัตรูพืชทั่วไปที่มีชีวิต จะทำการกำจัดโดยการรมยา โดยผู้นำเข้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดจึงจะอนุญาตให้นำเข้าได้ แต่หากพบศัตรูพืชกักกัน ก็จะรมยาแล้วให้ผู้นำเข้าส่งสินค้ากลับไปยังประเทศต้นทางพร้อมหนังสือแจ้งเตือน กรณีตรวจพบกิ่งและใบส้มติดมาให้ผู้นำเข้าดำเนินการกำจัดใบและกิ่งออกให้หมด โดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช

         อย่างไรก็ตาม การนำเข้าส้มแมนดารินจากประเทศจีนตั้งแต่เดือน ต.ค. - ปัจจุบัน มีผู้ประกอบการนำเข้าส้มแมนดารินมาในประเทศแล้ว 24 ราย ปริมาณการนำเข้า 9.25 พันตัน มูลค่า 277.14 ล้านบาท ซึ่งการนำเข้าในช่วงระยะเวลาดังกล่าวยังไม่พบการปฏิบัติที่ผิดเงื่อนไขการนำเข้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจพบผู้นำเข้ารายใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ได้แก่ การลักลอบนำเข้า การปลอมแปลงเอกสาร จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ