สงครามสารเคมีเกษตร

สงครามสารเคมีเกษตร

ทับซ้อน ซ่อนเงื่อน ขุมทรัพย์ผลประโยชน์

โดย - ปรีชา อภิวัฒนกุล

 

         สารเคมีเกษตรแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สารกำจัดวัชพืช สารกำจัดแมลง และสารกำจัดโรค

         สารกำจัดวัชพืชมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง รองลงมาเป็นสารกำจัดแมลง และสารกำจัดโรคตามลำดับ

         ปีหนึ่งๆ มูลค่าการค้าสารเคมีเกษตรว่ากันที่ระดับหมื่นล้านบาท อันนี้รวมถึงปริมาณสารเคมีเกษตรที่ลักลอบส่งออกด้วย ซึ่งกรมที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่เคยมีข้อมูลหรือนโยบายอะไรให้ชัดเจนทั้งสิ้น

         ถึงเวลาเอ็นจีโอเที่ยวเอาไปป่าวประกาศว่า แผ่นดินไทยปนเปื้อนสารเคมีเกษตร ถ้ามันมากมายขนาดนั้นคงบรรลัยทั้งประเทศไปแล้ว แต่เพื่อการสร้างกระแส เอ็นจีโอทำทุกวิถีทางเช่นกัน

         อย่างเรื่องไม่เป็นเรื่องว่าด้วยสารเคมีเกษตร 3 ตัว พาราควอต ไกลโฟเสท และคลอไพริฟอส 2 ตัวแรกกำจัดวัชพืช ตัวหลังกำจัดแมลง

         เริ่มต้นก็บ้องกัญชา เหลาท่าไหนก็บ้องกัญชา แต่ได้เสียกันมากมายในสงครามสารเคมีเกษตรหนนี้

         1.เกษตรกรซวยตลอดชีพ แค่เอ็นจีโอใช้กระทรวงหนึ่งเป็นเครื่องมือป่าวร้องให้รัฐบาลห้ามใช้เจ้า 3 ตัวนี้ ราคาสารทั้ง 3 ตัวก็ขยับขึ้นทันใด เป็นการรับเคราะห์ที่ตัวเองไม่ได้ก่อแม้นิดเดียว แต่เป็นกรรมจากเอ็นจีโอล้วนๆ

         2.การประกาศห้ามใช้หรือ Ban เป็นอำนาจโดยตรงของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน หาใช่กระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลยารักษาคนหรือกรมวิชาการเกษตรแต่อย่างใด

         3.เอ็นจีโอนั้นบางทีแสร้งโง่ อย่างสารเคมีเกษตรที่ถูกห้ามใช้อย่างเอ็นโดซัลแฟนสำหรับฆ่าหอยเชอรี่ หรือกระทั่งคาร์โบฟูราน และเมโทมิลที่ไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียน ป่านนี้ก็ยังมีขายกันเกร่อทั้งตลาด ทำไมไม่ไล่บี้กรมวิชาการเกษตรควบคุมดูแล มัวเกรงใจใคร?

         บ้านเมืองเราแปลก ตรงที่มีคนนิยมเอาของบนดินไปอยู่ใต้ดิน ภาษีไม่ได้ทีหนึ่งแล้ว ยังคุมพิษภัยไม่ได้อีก หรือว่าใต้ดินเป็นสวรรค์ของคนบนดิน ทั้งข้าราชการและบริษัทเอกชน แถมเอ็นจีโออีกด้วย

         4.การต่อสู้ของ 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายเอ็นจีโอกับฝ่ายเอกชน ถ้าติดตามคงรู้ว่าสนุกสุดยอดเร้าใจแค่ไหน

         เอ็นจีโออาศัยกระทรวงสาธารณสุขบีบคั้น เพราะกระทรวงอื่นเขาไม่ยอม โฆษณาชวนเชื่อจริงมั่งไม่จริงมั่ง ข้อมูลใครที่ไหนคัดกรองอย่างไร ทดสอบเองก็ไม่มี เป็นข้อมูลอ้างอิงคนอื่นทั้งสิ้น แต่สังคมที่ถูกเป่าตูดให้กลัวสารเคมีก็กู่ไม่กลับ เป็นข้อได้เปรียบของเอ็นจีโอในการขับเคลื่อนนโยบายเลิกการใช้สารเคมีเกษตร แล้วไปเคลื่อนไหวเกษตรอินทรีย์ต่อ

         จะมีใครรู้บ้างไหมว่า อาการสุดขั้วนี้ทำลายขีดความสามารถในการส่งออกประเทศไทยได้ง่ายดาย เกษตรอินทรีย์ทำให้ตายยังไงก็ไปไม่ได้มาก ทั้งขนาดตลาด ราคา ผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง เที่ยวไปละเมอเพ้อพกกับยอดส่งออกระดับพันล้านบาท ในขณะเกษตรที่ใช้เคมีส่งออกเป็นแสนล้านบาท ทำไมไม่เป็นเกษตรทางเลือกที่เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย?

         ในขณะบริษัทเอกชนบางรายตั้งป้อม ทุ่มเท ทุ่มทุน สู้เอ็นจีโออย่างอลังการ หึ่งๆ เฉพาะงานจูงใจว่ากัน 20 ล้านบาท ทั้งการใช้นักวิชาการและองค์กรการเกษตรออกโรงสนับสนุนตามเวทีสัมมนา 4 ภาค ประกบจังหวัดที่หน่วยงานเกี่ยวข้องออกไปรับฟังความคิดเห็นเรื่องสารเคมีดังกล่าว อีกทั้งอยู่เบื้องหลังสนับสนุนตั้งองค์กรใหม่ นัยว่าไม่ใช่องค์กรของตัวเอง แต่เป็นองค์กรเป็นกลาง แท้จริงชาวบ้านก็รู้กันสนั่นเมืองอีก

         จริงๆ เรื่องของบริษัทเอกชนกับการใช้สื่อนั้นน่าสนใจมาก เพราะมีขอบเขตกว้างขวางถึงระดับองค์กรสื่อบางองค์กรด้วยซ้ำ ถึงขั้นอาสามั่นเหมาะจะเชิญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาปรากฏตัวเปิดงานสัมมนาเรื่องแบน-ไม่แบน สารเคมี 3 ตัวเลยทีเดียว แต่คิวไม่ว่างจะด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ

         การเคลื่อนไหวเหล่านี้ แน่นอนส่วนหนึ่งใช้เงินส่วนตัวของบริษัท อีกส่วนหนึ่งได้จากองค์กรต่างประเทศ เรื่องพิสดารอย่างนี้รัฐบาลไทยน่าจะตรวจสอบเช่นกัน นอกเหนือจากตรวจสอบเงินอุดหนุนเอ็นจีโอเพียงฝ่ายเดียว

         ที่น่าสงสัย ระยะนี้มีบางบริษัทนำเข้าสารเคมีมากกว่าปกติเกือบเท่าตัว และดัมพ์ราคาต่ำกว่าราคาที่บริษัทผู้นำเข้ารายอื่น โดยรับประกันว่า หากมีปัญหาถูกแบนก็จะรับซื้อคืนจากร้านค้า แต่รู้ๆ กันว่า ตัวไหนถูกแบนก็ให้เวลาใช้ต่อไประยะหนึ่ง มันก็จะหมดไปเอง ยกเว้นที่แบนไปแล้วยังขายโครมคราม อันนั้นต้องถามความรับผิดชอบของกรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกที่แบนแล้ว แต่หาซื้อได้ง่ายราวของชำในร้านโชห่วย

         เรื่องที่พูดจากันในวงการค้าสาราเคมี คือบริษัทแม่ในต่างประเทศรับรู้บริบทต่างๆ ในเมืองไทยน้อยมาก งานนี้หน้าฉากอาจสู้รบกับเอ็นจีโอเหมือนจะเอาเป็นเอาตาย แต่หลังฉากร่ำลือว่า อาจมีบางคนร่ำรวยจากเงินทุนของบริษัทแม่ก็เป็นได้

         จริงไม่จริงไม่รู้ แต่น่าจะสอดรับกับที่องค์กรค้าสารเคมีเตรียมจัดตั้งสมาคมใหม่ เพราะสมาคมเก่าใช้เงินสนุกสนาน แต่ผลงานกลับไม่ค่อยออก