อ่างเก็บน้ำป่าสักยังแห้ง จนท.ยัน น้ำเต็มแน่เดือน พ.ย.

         เขื่อนป่าสักมีน้ำเพียง 200 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำ ชี้ เต็มแน่น้ำในอ่างแต่ต้องเดือนพฤศจิกายน ปัจจุบันมีการต้อนวัว ลงเลี้ยง

         น้ำในเขื่อนป่าสักมีเพียง 200 กว่าล้านลูกบาศก์เมตรเหนือเขื่อนป่าสัก พื้นที่น้ำท่วมภายในอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ ยังแห้งรอรับน้ำที่จะไหลมาแต่ยังไม่รู้ว่าจะเต็มเมื่อไหร่ ในปัจจุบันพื้นที่อ่างเก็บน้ำป่าสัก กลายเป็นพื้นที่เลี้ยงสัตว์ มีฝูงโคเนื้อหลายพันตัวที่ต้อนลงไปกินหญ้าภายในพื้นที่อ่าง และเป็นที่น่าสังเกตว่า โคเนื้อนับพันตัวหรืออาจจะถึงหมื่นตัวข่าวว่าเป็นโคเนื้อของชมรมที่ต้อนมาจากภาคตะวันตกเพื่อนำมาเลี้ยงแถวเขื่อนป่าสัก

         รายงานข่าวแจ้งว่า พื้นที่เหนือเขื่อนป่าสัก ที่มีการเลี้ยงสัตว์ เป็นพื้นที่สูงเคยมีข่าวว่าจะมีการขุดลอกเพื่อทำแก้มลิงในการเก็บน้ำเอาไว้ให้มากภายในอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ แต่ทางเหนือเขื่อนในเขตอำเภอท่าหลวง อำเภอชัยบาดาล ปลายปีเคยมีน้ำสูงมาก มีปรากฏการน้ำเอ่อท่วมถนนที่เชื่อมระหว่างชัยบาดาล กับอำเภอท่าหลวง ที่ ทำถนนผ่าอ่างเก็บน้ำป่าสัก แต่บางหรือน้ำน้อยก็ไม่ท่วมถนนสายนี้และ พอน้ำลดยังเป็นที่เลี้ยงสัตว์ ทำนา หาปลาของเกษตรกร เคยได้ข่าวจากผู้บริหารรุ่นก่อนๆว่าจะขุดลอกทำแก้มลิง บางรุ่นก็ว่าน่าจะขุดเป็นหลุมขนมครก

         นายอนุสรณ์ ตันติวุฒิ ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำ สำนักงานชลประทานที่ 10 ว่าในปัจจุบันมีน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักทุกวันและทางเขื่อนก็ต้องระบายออก ยิ่งฝนตกมากต้องระบายออกตลอดปัจจุบันมีน้ำในอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์ประมาณ 200 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์สามารถเก็บน้ำได้ถึง 960 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บป่าสักยังต้องการน้ำที่เก็บกักอีก 700 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในปัจจุบันน้ำที่ไหลเข้าอ่างป่าสัก ทางเขื่อนต้องพร่องน้ำเพื่อรอรับน้ำที่ไหลจากทางเหนือ

         "น้ำที่ไหลเข้ามาแต่ละเดือนมีน้ำไหลมาจากทางภาคเหนือประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร ทางเขื่อนก็ต้องพร่องน้ำออกไป เพราะน้ำจะไหลมาเข้าอ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์มากในเดือนกันยายน ตุลาคม น้ำจะเต็มอ่างประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี การพร่องน้ำไปท้ายเขื่อนมีคนเป็นห่วงว่า จะมีน้ำเก็บไว้เต็มอ่างหรือ ถ้าพร่องน้ำตลอด เป็นปรากฏการณ์ของแม่น้ำป่าสัก น้ำจะไหลมามากแล้วมาเต็มเขื่อนในระดับกักเก็บเดือนพฤศจิกายนทุกปี" นายอนุสรณ์กล่าวในที่สุด

 

เรื่อง/ภาพ : สรศักดิ์ ทับทิมพราย