1.2 ล.รายได้น้อย"กู้เงิน"ไร้หลักประกัน!

 

 

สศค.ดึงผู้มีรายได้น้อย ที่มีหนี้นอกระบบ กว่า 1.2 ล้านคน กู้เงินกับออมสิน และธ.ก.ส.ไม่ต้องใช้หลักประกัน พร้อมส่งรายชื่อให้ธนาคารทั่วประเทศดึงเข้าเป็นลูกหนี้ในระบบ

         นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ผู้มีรายได้น้อยที่ผ่านคุณสมบัติจำนวน 11.4 ล้านคน มีผู้เป็นนี้นอกระบบจำนวน 1.2 ล้านคน รวมเป็นมูลหนี้กว่า 64,000 ล้านบาท จึงเตรียมให้แบงก์รัฐ ทั้ง ธ.ก.ส.และออมสิน ดึงรายชื่อชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว เข้าไปประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อดึงเข้ามาใช้เงินกู้ในระบบแทน โดยธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.เตรียมวงเงินแห่ง 5,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ รายละ 5 หมื่นบาท ผ่อนชำระไม่เกิน 5 ปี  

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ 

         ขณะนี้ได้มีลูกหนี้นอกระบบยื่นขอกู้ผ่านทั้งสองแบงก์แล้ว 106,123 ราย วงเงิน 4,796 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึงวันที่ 31 สิงหาคม และเพื่อให้ประชาชนผู้มีหนี้นอกระบบได้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบมากขึ้น จึงต้องปรับลดเกณฑ์การขอสินเชื่อสำหรับผู้เป็นหนี้นอกระบบ โดยไม่ต้องต้องใช้หลักค้ำประกันประกอบการขอสินเชื่อกับธนาคารขอรัฐ เพื่อเปิดทางการขอสินเชื่อไปชำระหนี้นอกระบบของแบงก์รัฐ

 

 

         นอกจากนี้ยังได้เสนอ รายชื่อผู้ประกอบการพิโคไฟแนนซ์ เพื่อให้รมว.คลังพิจารณาออกใบอนุญาต 20 จากปัจจุบันมีจำนวน 160 ราย คาดว่าทั้งปีจะมีผู้ประกอบการพิโค่ไฟแนนซ์ 200 ราย กระจายไปในชุมชนต่างๆทั่วประเทศ ขณะนี้ได้เริ่มปล่อยกู้แล้ว 63 ราย ใน 32 จังหวัด รวมเป็นยอดปล่อยกู้กว่า 42 ล้านบาท 

         หากปัญหาหนี้รายใดยังตกลงกันไม่ได้ คณะกรรมการฟื้นฟูภาระหนี้ระดับจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจ ทหาร กรมสรรพากร และหน่วงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเจรจาหนี้ เพื่อดึงให้เข้าสู่ระบบ ทั้งแบงก์รัฐ พิโค่ไฟแนนซ์ เพื่อลดภาระการผ่อนชำระรายวัน รายเดือนของลูกหนี้

 

         ทั้งนี้ แม่ค้าบางรายแบกรับภาระจ่ายดอกเบี้ย 5,000 บาทต่อเดือน ทว่า เงินต้นยังไม่ลด แต่หากมาใช้เงินในระบบลดภาระ ทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย 1-2 พันบาทต่อเดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 0.28 ต่อเดือน จึงต้องการให้รายย่อยเร่งติดต่อกับแบงก์ออมสิน ธ.ก.ส.เพราะนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ภาระหนี้นอกระบบเป็นศูนย์ในปีนี้