รัฐจับมือเอกชน พัฒนาแหล่งน้ำ-ฟื้นป่าจำปีสิรินธร

         รวมภาครัฐและเอกชน พัฒนาแหล่งน้ำอำเภอท่าหลวง ฟื้นฟูพื้นที่จำปีสิรินธร ที่มีแห่งเดียวในโลก และการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี 

         รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี การที่ พลเอกวิทยา จินตนานุรัตน์ รองหัวหน้าส่วนบังคับบัญชา สำนักงานรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรอง แผนงานโครงการฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยตรวจติดตามผลการดำเนินงานการพัฒนาแหล่งน้ำ และพื้นที่ป่าจำปีสิรินธร ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี และการแก้ปัญหาราษฎรที่ทำประโยชน์ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี

         โดยมี นายอรรถพร ปัญญาโฉม รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์, ธนารักษ์จังหวัดลพบุรี, นายวิรัตน์ สายลิ่ม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรี, ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดลพบุรี, กรมบัญชีกลาง, สำนักงบประมาณ, เอกชนในเครือวังขนาย เข้าร่วมประชุมการติดตามการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ อำเภอท่าหลวง การพัฒนาพื้นที่ป่าจำปีสิรินธร ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี และการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เข้าร่วมประชุม

         นายอรรถพร ปัญญาโฉม รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 กล่าวว่า การตรวจติดตามในครั้งนี้ เพื่อทราบผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆที่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากกรณีประสบภัยพิบัติ(ภัยแล้ง) เมื่อปี 2558 และข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2558 โดยมีการพิจารณาเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง การจัดหาแหล่งน้ำสำหรับการพัฒนาพื้นที่ป่าจำปีสิรินธร ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี การเพิ่มความจุปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ การแก้ไขปัญหาราษฎรเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำฯ และการผลิตพลังงานทดแทน (Solar Farm) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการเพาะปลูก

         พลเอกวิทยา จินตนานุรัตน์ รองหัวหน้าส่วนบังคับบัญชา สำนักงานรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ(ภัยแล้ง)เมื่อปี 2558 ได้มีการมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการและได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 349 ล้านบาทเศษ เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่อำเภอท่าหลวง และพื้นที่ป่าจำปีสิรินธร ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ส่วนการบุกรุกที่ดินของรัฐบริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นั้น คงต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของรัฐการจะเข้าครอบครองคงจะเป็นเรื่องที่ยาก และในเรื่องแนวทางการเพิ่มความจุของปริมาณอ่างเก็บน้ำ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้ดำเนินการขุดลอกท้ายเขื่อนเพื่อเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำในเขื่อนให้มากยิ่งขึ้น

         นายเนตรนรินทร์ คำเรืองบุญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลซับจำปา เล่าให้ฟังว่าการพัฒนาแหล่งน้ำใน 6 ตำบลของเขตอำเภอท่าหลวง โดยพัฒนาทั้งหมด มีการจัดตั้งงบประมาณ 300 กว่า ล้านบาท โดยสูบน้ำ จากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ไปยังหมู่บ้านต่างๆในอำเภอท่าหลวง โดยในป่าจำปีสิรินธร ที่มีต้นจำปีสิรินธร แห่งเดียวในโลก ที่ตำบลซับจำปา อำเภอท่าหลวง เพราะพันธุ์ไม้ชนิดนี้มีที่นี่แห่งเดียว ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องอนุรักษ์ต้นจำปีสิรินธรเพื่อให้ดำรงอยู่ต่อไป ซึ่งได้ตั้งโครงการมี 8 ล้าน สร้างฝายกั้นน้ำ ที่โรงเมืองโบราณ  5,500,000 บาท ลานตัววีปลายน้ำเพื่อขุดมายังป่าจำปี   2 ล้านบาท และ งบประมาณ 560,000 บาท เป็นโครงการวางท่อ จากบ่อบาดาล ที่เจาะไว้แล้ว เพื่อวางท่อกระจายน้ำในป่าจำปีสิรินธรทั้งหมด ถ้าหากน้ำเหลือก็จะได้กับประโยชน์กับชาวบ้านในการทำเกษตร ประมาณ 2,000 ไร่  3 หมู่บ้าน จำนวน 1,200 ครอบครัว

         โครงการต่างๆที่มีการเสนอริเริ่มจากท้องถิ่น โดยเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการลุ่มน้ำป่าสัก โดยมีการวางแผนท่อน้ำ จากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  มายังป่าจำปีสิรินธร เพราะซับจำปาเป็นตำบลท้ายสุด โดยโครงการที่ได้เสนอไปนั้นมีการอนุมัติแล้วแต่อยู่ที่การจัดซื้อจัดจ้างของกรมบรรเทาสาธารณภัย และกรมทรัพยากรน้ำ โดยที่ อบต. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีนายวชิระ เกตุพันธุ์ นายอำเภอท่าหลวง เป็นผู้ประสานกับทุกหน่วยงาน ในส่วนเรื่องของงบประมาณนั้นผ่านแล้ว แต่การจัดซื้อจัดจ้างยังไม่ได้ทำ เพราะขึ้นอยู่กับกรมทรัพยากรน้ำ และ ปภ.ที่เป็นผู้ดำเนินการ โดยคาดว่าน่าจะได้ทำในปีงบประมาณปี 61

         สรศักดิ์ ทับทิมพราย รายงาน