"หมูหลุม"เลี้ยงง่าย ทุนต่ำ กำไรดี

 

 

"ปศุสัตว์"ขับเคลื่อนเกษตรกรเลี้ยง "หมูหลุม" โดยร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ภาคเอกชน พัฒนาต่อยอดการตลาดและผลิตให้ตรงกลุ่มเป้าหมายต่อไป

         นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า การส่งเสริมการทำปศุสัตว์อินทรีย์ นอกจากตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ยังเป็นทางเลือกอาชีพให้เกษตกรในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพมาตรฐานสากล ปลอดภัยต่อผู้ผลิตและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค เพิ่มมูลค่าผลผลิต การบริโภคและการค้าทั้งในและต่างประเทศ 

 

 

         โดยเกษตรกรที่ปรับรูปแบบจากการทำเกษตรหรือปศุสัตว์แบบเดิม เป็นระบบการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ หรือปศุสัตว์อินทรีย์ สามารถลดต้นทุนการผลิตได้ด้วยการลดการใช้ปุ๋ย หรือสารเคมี ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมและดินที่ใช้ในกิจกรรมทางเกษตรมีความอุดมยิ่งขึ้น ผู้ผลิตและผู้บริโภคมีสุขภาพดี ดังกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูหลุม พื้นที่ จ.ราชบุรี ซึ่งตั้งใจมุ่งมั่น พัฒนาการเลี้ยงหมูหลุมจากรูปแบบเดิม เป็นการเลี้ยงในระบบปศุสัตว์อินทรีย์ 

 

 

          ดังนั้น กรมปศุสัตว์ได้ให้การส่งเสริมและแนะนำการเลี้ยงหมูหลุมให้เป็นไปตามข้อกำหนดของปศุสัตว์อินทรีย์ เช่น แหล่งที่มาของสัตว์ อาหารสัตว์ น้ำ การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ การจัดการฟาร์ม เพื่อให้เกษตรกรได้พัฒนาและปรับปรุงฟาร์มให้มีความพร้อมและยื่นขอการรับรองมาตรฐานฟาร์มปศุสัตว์อินทรีย์จากกรมปศุสัตว์ต่อไป

 

 

          ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ได้ให้การรับรองปศุสัตว์อินทรีย์ทั้งหมด จำนวน 152 แห่ง ได้แก่ ระบบการผลิตไก่ไข่และไข่ไก่อินทรีย์ 135 แห่ง การผลิตโคนมและน้ำนมดิบอินทรีย์ 7 แห่ง การผลิต ผลิตภัณฑ์น้ำนมพาสเจอไรซ์อินทรีย์ 1 แห่ง การผลิตไก่พื้นเมืองอินทรีย์ 4 แห่ง ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์อินทรีย์ 2 แห่ง การผลิตไก่เนื้ออินทรีย์ 1 แห่ง การผลิตผลิตภัณฑ์เนื้อไก่อินทรีย์ 1 แห่ง และผลิตไก่งวงอินทรีย์ 1 แห่ง

 

 

         สำหรับเกษตรกรท่านใดสนใจการเลี้ยงหมูหลุมอินทรีย์ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ พญาไท กทม.หรือโทรศัพท์/Fax 0 2653 4477  

ที่มาข้อมูล : กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์