ลงทุน 5 ปี "อินทผาลัม" ออกผลงามเก็บขายปีละ 2 ล้าน!

         มีคำถามมากเกี่ยวกับการลงทุนปลูก "อินทผาลัม" ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มั่นคง ยั่งยืนได้จริงหรือไม่ ซึ่งความสำเร็จของการปลูกพืชทุกชนิดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง จะหาข้อสรุปไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าคนที่ "คิดก่อน ทำก่อน ยอมเสี่ยง" ถ้าไม่ล้มเหลว ก็จะมีรางวัลแห่งความสำเร็จเป็นสิ่งตอบแทน อย่างเช่น บ้านสวนรังศิยา ที่บ้านหนองนกออก ต.หนองแวง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากอินทผาลัม

         บนเนื้อที่ 5 ไร่ นายวิโรจน์ ทองงาม อายุ 47 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาเจริญ ต.หนองแวง และครอบครัว ได้ปลูกพืชแบบผสมผสานตามแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คือ ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก ขุดบ่อเลี้ยงปลา และทำนาข้าว แต่ที่สร้างความภาคภูมิใจแก่เกษตรกรรายนี้ คือ การปลูกอินทผาลัม ซึ่งเป็นพืชในตระกูลปาล์มชนิดหนึ่ง มีหลากหลายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแล้งแบบทะเลทราย มีมากในประเทศ ซาอุดิอาระเบีย แอลจีเรีย และประเทศในแถบอาหรับ

         สำหรับเมืองไทยนั้น ยังนิยมปลูกอินทผาลัมกันน้อย เนื่องจากเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น ทำให้ต้องนำเข้าอินทผาลัมควบคู่ไปด้วย ซึ่งอินทผาลัมส่วนใหญ่ที่นำเข้ามักอยู่ในรูปทั้งผลไม้สดและแปรรูปแล้ว ปลูกมา 5 ปี ตอนนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว มีลูกค้าสั่งจอง มารับถึงสวนในราคาเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 700 บาท อินผาลัมบางต้นให้ผลผลิตที่แตกต่างไปจากต้นอื่นมีผลสีม่วงแดง ตลาดมีความต้องการสูง ราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 1,500 บาท รวมถึงผู้ที่ทราบข่าว ต่างสนใจเดินทางมาศึกษาดูงานและสั่งซื้อต้นพันธุ์ไปปลูก ราคาต้นละ 1,250 บาท

         นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า เริ่มต้นสนใจหันมาปลูกอินทผาลัมอย่างจริงจังเมื่อปี 2555 ใช้แรงงานในครอบครัวเป็นหลัก และจ้างแรงงานมาช่วยเป็นบางครั้ง หลังศึกษาพบว่าเป็นพืชที่ราคาสูง คนปลูกน้อย อายุยืนยาว จึงตัดสินใจลงทุนสั่งชื้อพันธุ์เนื้อเยื่อมาจากประเทศอังกฤษจำนวน 84 ต้นๆ ละ 1,200 บาท ติดตั้งระบบให้น้ำอัตโนมัติ บำรุงรักษา ผ่านพ้นปีที่ 3 เริ่มเก็บผลผลิตได้เป็นปีแรก ปีแรกได้ไม่มากประมาณ 400 กิโลกรัม ขายให้พ่อค้า อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งมารับที่สวนในราคากิโลกรัมละ 550 บาท มาปีนี้ต้นเริ่มสมบูรณ์ ออกผลผลิตประมาณ 300 จั่น, 1 จั่น น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าปีที่แล้ว คาดว่าจะสามารถเก็บขายได้ประมาณ 3 ตัน คิดเป็นรายได้ประมาณ 2 ล้านบาท

         "ในสวนตอนนี้ปลูกอิทผาลัมไว้ 2 สายพันธุ์ คือพันธุ์บาฮี ผลสีเหลือง สำหรับกินสดๆ รสชาติคล้ายๆ แอปเปิ้ล แต่หวาน กรอบ ปลูก 80 ต้น ให้ผลแล้ว 50 ต้น นอกจากนี้ยังมีพันธุ์แฟมมิลี่ ซึ่งเป็นพันธุ์ที่รับประทานได้ทั้งผลสดและผลสุก แต่ที่สวนขณะนี้พันธุ์บาฮี ให้ผลผลิตมากที่สุด วันนี้ตัดขายไป 50 กิโลกรัมๆ ละ 700 บาท มีลูกค้ามารับถึงสวน"

         เจ้าของบ้านสวนรังศิยา กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเลือกปลูกพืชชนิดนี้เป็นอาชีพเสริม จากการทำงานรับราชการประจำ ก็เพราะอยากให้เกิดแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ ทางการเกษตรในพื้นที่ ในฐานะที่เป็นครูอยากให้คนอื่นได้มาเรียนรู้ จึงน้อมนำหลักการทรงงานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในเรื่องการระเบิดออกจากข้างใน คือการทำงานให้ตนเองให้เป็นที่พึ่งของตนเองก่อน ให้คนในครอบครัว ในชุมชน มีความเข้มแข็ง ในอาชีพทำเกษตร จึงเลือกพืชตัวนี้เป็นอาชีพเสริม ที่สำคัญคือเป็นพืชที่ปลอดสาร ไม่ต้องใช้สารเคมีพืชตัวนี้ก็ให้ผลผลิตได้ หากท่านใดสนใจอยากมาศึกษาเรียนรู้ ก็ยินดีให้ความรู้โดยไม่ปิดบัง

 

ข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ