อัดงบเร่งยกระดับเกษตรกรเลี้ยงโค : เพิ่มคุณภาพรับเปิดเสรีการค้าปี63

      รุงเทพฯ - นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากที่กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ได้อนุมัติงบประมาณให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อไปแล้ว 7 โครงการ 176 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า โดยเฉพาะกรอบการค้าไทย- ออสเตรเลีย ซึ่งในปี 2563 จะสิ้นสุดมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) อันทำให้การนำเข้าสินค้าเนื้อโคจากออสเตรเลียไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า ส่งผลให้ราคาเนื้อโคนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาถูกลง

      โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เป็นอีกหนึ่งโครงการ ที่ทางกองทุน FTA ได้อนุมัติงบประมาณกว่า 25 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2559-2565 แก่สหกรณ์ผู้เลี้ยงโคขุนในเขตปฏิรูปที่ดินปางศิลาทอง จำกัด จ.กำแพงเพชร เพื่อให้สมาชิกมีอาชีพ มีรายได้ เกษตรกรมีความรู้ ทักษะในการเลี้ยงโคแม่พันธุ์ และโคขุนอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดทำแปลงหญ้า ปลูกพืชอาหารสัตว์ คิดสูตรอาหารและนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นอาหารโคเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยมีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการของสหกรณ์

      การดำเนินกิจกรรม ประกอบด้วย จัดอบรมเพิ่มทักษะความรู้ความสามารถในการเลี้ยงโคเนื้อให้มีประสิทธิภาพแก่เกษตรกรสมาชิก มีกรมปศุสัตว์เป็นพี่เลี้ยงติดตาม ให้คำปรึกษาการเลี้ยง เป็นเวลา 4 ปี ทั้งสนับสนุนปลูกหญ้าเนเปียร์สำหรับเลี้ยงโคในพื้นที่ รายละ 1 ไร่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนผลิต และภายหลังฝึกอบรม กองทุน FTA ได้สนับสนุนเงินยืมปลอดดอกเบี้ยเพื่อจัดหาโคแม่พันธุ์และโคเพศผู้ให้แก่เกษตรกรที่ผ่านการอบรม โดยจัดหาโคสาว รายละ 5 ตัว จำนวน 50 ราย รวม 250 ตัว เพื่อเร่งผลิตโคแม่พันธุ์ที่ลดจำนวนลง และจัดหาโคเพศผู้ น้ำหนักตัว 200-250 กิโลกรัมเลี้ยงเป็นโคขุน รายละ 8 ตัว จำนวน 50 ราย รวม 400 ตัว รวมทั้งได้พัฒนาประสิทธิภาพ คุณภาพในการผลิตโคเนื้อมีชีวิต ให้มีมาตรฐานแข่งขันกับตลาดโลกได้ โดยมีศูนย์การเรียนรู้การเลี้ยงโคขุนให้แก่สมาชิกและผู้เลี้ยงโค 1 ศูนย์

     จากการติดตามของผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2559-2561 สศก.พบว่า เกษตรกรที่เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร “การเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพ” จำนวน 100 ราย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 96 นำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการเลี้ยงโคได้ตามมาตรฐานที่กำหนด และมีสมาชิกที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ สนใจที่จะเข้าร่วมและหันมาสนใจอาชีพเลี้ยงโคเพิ่มขึ้น

     ด้านกิจกรรมการเลี้ยงโคเนื้อ พบว่า การเลี้ยงโคเนื้อแม่พันธุ์ สหกรณ์ได้จัดหาโคแม่พันธุ์ให้สมาชิกครบ 250 ตัว เพื่อผลิตโคขุนต้นน้ำ แก้ปัญหาการขาดแคลนโค ปัจจุบันมีลูกโคที่เกิดใหม่เพิ่มขึ้นรายละ 4-5 ตัว และสหกรณ์ได้จัดหาโคเพศผู้เพื่อเลี้ยงเป็นโคขุนให้แก่สมาชิก 400 ตัว ซึ่งภายหลังการขุนเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าเกษตรกรสมาชิกมีกำไรจากการจำหน่ายโคขุนให้สหกรณ์ ราว 5,600 บาท/ตัว สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโครงการที่มีกำไรไม่เกิน 4,000 บาท/ตัว ทั้งนี้ สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะจำหน่ายโคให้กับสหกรณ์ในราคาประกัน โดยสหกรณ์ประกันราคาโคขุนที่กิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งราคาตลาดทั่วไปรับซื้อโคขุนที่กิโลกรัมละ 85 บาท

     อีกทั้ง เกษตรกรยังมีรายได้จากการรวบรวมมูลโคในฟาร์มและจำหน่ายมูลโค รายละ 1,000-2,000 บาทต่อเดือน จึงนับได้ว่าโครงการดังกล่าวเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาคุณภาพในการผลิตสินค้าโคเนื้อให้แข่งขันกับโคเนื้อที่นำเข้าจากต่างประเทศได้

     สำหรับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ผู้ผลิตสินค้าโคเนื้อ รวมทั้งผู้ที่จะเสนอขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯในสินค้าเกษตรอื่นๆ ให้จัดทำเป็นโครงการปรับโครงสร้างการผลิตสินค้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมจากการเปิดเสรีทางการค้า (Free Trade Area : FTA) ซึ่งโครงการที่เสนอต้องเป็นโครงการช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับเกษตรกร มีความเป็นไปได้ทั้งการผลิต การตลาด ใช้ตลาดนำการผลิตและคุ้มค่าในการลงทุน โดยสามารถเสนอโครงการฯ ผ่านหน่วยงานราชการระดับกรม ส่งต่อให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่ส่วนบริหารกองทุนภาคเกษตร เบอร์โทรศัพท์ 0-256-4727 ในวัน เวลา ราชการ