ชูศาสตร์เกษตรยั่งยืน จัด 5 พันล้าน! หนุนเกษตรอินทรีย์-ปลูกไม้มีค่า
  • 5 พฤศจิกายน 2018 at 11:49
  • 2344
  • 0

 

     รุงเทพฯ - นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 52 ปี ธ.ก.ส.มุ่งเน้นนำนโยบายเกษตรยั่งยืน ยุทธศาสตร์ชาติ มาใช้เป็นกรอบพัฒนาเกษตรกร และภาคการเกษตร เพื่อสร้างความยั่งยืน ประกอบด้วยทำเกษตรกรรม 5 รูปแบบ คือ เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร เกษตรผสมผสาน เกษตรธรรมชาติ และเกษตรอินทรีย์ รวมพื้นที่เป้าหมาย 5 ล้านไร่ 

      โดยเฉพาะ ด้านเกษตรอินทรีย์ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายชุมชนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 600 ชุมชน และขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 60,000 ไร่ ภายในปี 2563 โดยธนาคารได้จัดเตรียมโครงการสินเชื่อส่งเสริม และสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Credit ) วงเงิน 5,000 ล้านบาท และสินเชื่อชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อย (XYZ) วงเงิน 2,000 ล้านบาท รองรับ โดยดำเนินการร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ทั่วประเทศจัดทำงานโครงการอาหารปลอดภัย และสร้างชุมชนเกษตรอินทรีย์อย่างน้อย จังหวัดละ 1 ชุมชน เพื่อสนับสนุนให้มีการผลิตอาหารที่ปลอดภัย มีมาตรฐานรองรับ เริ่มจากชุมชนที่มีการพัฒนาการผลิตในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว 250 แห่ง ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานอินทรีย์ครบทุกชุมชน ใช้ระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Participatory Guarantee System : PGS) ตามหลักการและมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ พร้อมสนับสนุนชุมชนอื่นๆที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการด้วย

 

     ทั้งนี้ ชุมชนเกษตรอินทรีย์ทั้ง 77 จังหวัด จะต้องมีกระบวนการผลิตที่ดี มีมาตรฐาน ทั้งระบบโรงเรือน ระบบน้ำ ระบบควบคุม รวมถึงโรงบรรจุหีบห่อ มีกระบวนการตรวจสอบเพื่อรับรองคุณภาพตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไทย โดย ธ.ก.ส.จะร่วมกับเครือข่ายประชารัฐสนับสนุนด้านการเพิ่มช่องทางตลาด ออนไลน์ รวมถึงตลาด โมเดิร์นเทรด ตลาดนัดของดีวิถีชุมชน ร้านค้า A-Shop เป็นต้น เพื่อเป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าคุณภาพ อาหารปลอดภัยจากชุมชนไปสู่ผู้บริโภค 

       ด้านวนเกษตรและสิ่งแวดล้อม ธ.ก.ส พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกต้นไม้ตามแนวทาง ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง โดยชุมชนเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อน ภายใต้ โครงการธนาคารต้นไม้ เชื่อมโยงไปสู่โครงการชุมชนไม้มีค่าตามนโยบายของรัฐบาลคือการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองและของชุมชน อันเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในที่ดิน เปรียบเสมือนการออมทรัพย์หรือการลงทุนระยะยาว เมื่อต้องใช้เงินทุนก็สามารถนำต้นไม้ที่ปลูกบนที่ดินตนเองมาเป็นหลักประกันเงินกู้ได้ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน ลดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน เพิ่มพื้นที่ป่า อันนำไปสู่การสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันมีชุมชนที่ร่วมปลูกต้นไม้กับ ธ.ก.ส.ตามโครงการธนาคารต้นไม้ 6,804 ชุมชน มีสมาชิก 115,217 ราย มีจำนวนต้นไม้ที่ปลูกเพิ่มขึ้นในประเทศกว่า 11.7 ล้านต้น

       ส่วนด้านความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ มุ่งเน้นบริหารจัดการหนี้ให้กับเกษตรกรที่มีภาระหนัก ผ่านมาตรการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ สนับสนุนการปฏิรูปภาคเกษตรร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น ปรับเปลี่ยนการผลิต รวมกลุ่มเพื่อร่วมกันผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวบรวมและใช้กระบวนการสหกรณ์ เป็นหัวขบวนขับเคลื่อนภายใต้หลักตลาดนำการผลิต และนำรูปแบบ Project based มาสร้างอาชีพและมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่ ควบคู่การสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยการส่งเสริมเงินออม การให้ความรู้ การสร้างเครือข่าย และสร้างทายาทเกษตรกรรุ่นใหม่