เกษตรฯจูงใจชาวนา ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แจก 2 พัน พักหนี้ 3 ปี

         ความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทดแทนการปลูกข้าวนาปรัง ล่าสุด นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนระดับพื้นที่ ทั้งระดับอำเภอ จังหวัด และให้คณะกรรมการบริหารงานอำเภอ (กบอ.) หรือทีมตำบล ให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพาะปลูก ไปถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว รวมทั้งเป็นพี่เลี้ยงในเรื่องตลาดรับซื้อ ชี้ให้เกษตรกรเห็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างทำนากับปลูกข้าวโพด การใช้อุปกรณ์ในการผลิตและเก็บเกี่ยว แรงงาน วิธีการจัดเก็บผลผลิต และความเสียหายเมื่อมีฝนตก พร้อมกับมาตรการจูงใจให้ปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลดทำนารอบสอง 2 ล้านไร่ จะมีรายได้ดีกว่า เพราะประเทศไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังไม่พอต่อความต้องการปีละอีกกว่า 3 ล้านตัน 
         จากการลงพื้นที่สอบถามเกษตรกรที่สมัครใจปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พบว่ารายได้ดีกว่าปลูกข้าวนาปรังถึง 3,020 บาท/ไร่ โดย จ.อุบลราชธานี เปลี่ยนมาปลูกข้าวโพด 19,739 ไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 1,100 กก./ไร่ จำหน่ายราคา 7.50-9.60 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับค่าความชื้น จากต้นทุนการผลิต 2.90 บาท/กก. ขณะที่ผลตอบแทนปลูกข้าวนาปรัง 1,980 บาท/ไร่ ขณะที่ข้าวโพด 5,000 บาท/ไร่
         นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ เตรียมเสนอมาตรการจูงใจในการปรับเปลี่ยนอาชีพไปสู่การผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มเติมนอกเหนือจากการพักชำระหนี้ให้เกษตรกร เป็นเวลา 3 ปีตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ ธ.ก.ส.ให้สินเชื่อไร่ละ 2,000 บาท โดยภาครัฐชดเชยค่าดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกร, สนับสนุนเงินทุนให้เกษตรกรในการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งหลังนา ไร่ละ 2,000 บาท, สนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตรผ่านระบบสหกรณ์, สร้างระบบประกันภัยผลผลิต, การอบรมและถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรในรูปแบบประชารัฐ โดยให้เกษตรตำบลดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน, การพัฒนาระบบชลประทานให้ครอบคลุมพื้นที่ และการสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรด้วยการประกันราคารับซื้อ
         "ตลาดกำลังมีความต้องการมาก ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กำไรมากกว่าปลูกข้าวราวๆ 3,020 บาท/ไร่ ซึ่งยังไม่รวมมาตรการจูงใจที่รัฐบาลจะให้ 2,000 บาท/ไร่ การพักหนี้ให้ 3 ปี สนับสนุนทั้งเรื่องเครื่องจักร ปัจจัยการผลิต และตลาดที่จะรับซื้อ" รมว.เกษตรฯ กล่าว