กรมฝนหลวงฯ จับมือภาครัฐและเอกชน ปลูกป่าไม้สร้างความชื้นในอากาศ (ชมคลิป)

         โครงการปลูกป่าและไม้ยืนต้นสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง สืบสาน "ศาสตร์พระราชา" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ณ เขื่อนวชิราลงกรณ์ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี


         โดย นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานพร้อมทำกิจกรรมร่วมกับ 11 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
         ทั้งนี้มีการปลูกต้นรวงผึ้งจำนวน 12 ต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรและถือเป็นมหามิ่งมงคลตลอด 12 เดือน ซึ่งต้นรวงผึ้งเป็นต้นไม้มงคลอันทรงคุณค่าที่ถูกยกให้เป็นพรรณไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ถือเป็นดอกไม้ประจำวันพระราชสมภพพอดี (ช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม) สีเหลืองของต้นรวงผึ้งยังเป็นสีประจำวันพระราชสมภพอีกด้วย


         กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติวันพระราชสมภพในหลวงรัชกาลที่ 10 และเป็นการน้อมนำแนวคิดสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ สืบสาน "ศาสตร์พระราชา" ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้มากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำฝนหลวงให้ประสบผลสำเร็จเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมกับสร้างผืนป่าให้เกิดความชุ่มชื้นเพื่อเป็นการเพิ่มป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักในคุณค่าของป่าต้นน้ำและการเพิ่มพื้นที่ป่าชุมชน
         ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรักษาระบบนิเวศป่าไม้และสิ่งแวดล้อม การปลูกป่าไม้ ป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน และไม้ยืนต้นบริเวณหัวไร่ปลายนา ซึ่งจะเป็นการสร้างแหล่งอาหารแก่สัตว์ป่าในการดำรงชีวิต และช่วยเอื้อประโยชน์ต่อพื้นที่ชุมชนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้มีการปลูกต้นแคฝรั่ง โดยนักเรียนนักศึกษา อาสาสมัครฝนหลวง และเกษตรกรในบริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ์ จำนวน 200 ต้น


         นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า จากวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรป่าไม้ที่ถูกทำลายซึ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่ลดลง ส่งผลต่อกระบวนการเกิดฝนและปริมาณน้ำฝนตามธรรมชาติเกิดความผิดปกติ จึงมีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้การฟื้นฟูผืนป่าเกิดประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งเมื่อป่าเกิดความสมบูรณ์ก็จะทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยการเพิ่มโอกาสสำหรับการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงให้ประสบความสำเร็จเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย


         "การดำเนินโครงการฯ แบ่งเป็น 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมพิธีเปิดโครงการในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี, กิจกรรมการปลูกป่าและไม้ยืนต้น ดำเนินการตั้งแต่เริ่มเปิดปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 30 กันยายน ร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชน และ กิจกรรมโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 5 ภูมิภาค ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม - 30 กันยายนนี้ โดยดำเนินการพร้อมกับการปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละวัน โดยชนิดเมล็ดพันธุ์ประกอบด้วย รวงผึ้ง ประดู่ ตะเคียน ยางนา มะขามป้อม ขนุน ชมพู่ มะม่วง มะค่า มะค่าโมง สมอพิเภก สัก พะยูง เต็ง รัง แดง ตะแบก และมะขามป้อมป่า" นายสุรสีห์ กล่าว


         นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังได้จัดทำแอพพลิเคชั่นระบบติดตามการปลูกต้นไม้ "Collector for ArcGIS" เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดตามข้อมูลการปลูกต้นไม้ได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นด้วย โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของกรมฝนหลวงฯ http://www.royalrain.go.th/royalrain/