หวั่นราคาตก เกษตรฯ เตรียมหาตลาดรองรับผลไม้ภาคใต้

         นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในปีนี้ กระทรวงเกษตรฯได้รับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปี 2561 และได้จัดสรรให้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินการโครงการสนับสนุนการรวบรวมผลไม้ 49 รายการ เป็นงบประมาณ 84 ล้านบาท เพื่อก่อสร้าง จัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มศักยภาพในการรวบรวมและจำหน่ายผลผลิต อาทิ รถบรรทุกห้องเย็น รถโพล์คลิฟท์ อาคารห้องเย็น อาคารรวบรวมผลผลิต ฯลฯ
         นอกจากนี้ยังมีโครงการสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 410 ล้านบาท ใน 42 จังหวัด สนับสนุนในสินค้า 9 กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ ข้าว ผัก ปาล์มน้ำมัน กาแฟ โคนม. ประมง ปศุสัตว์ และ มันสำปะหลัง ขณะที่ คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เตรียมยกร่างยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ภาคใต้ปี 2561-2564 เพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ทั้งด้านการผลิต การตลาด การพัฒนางานวิจัยและพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ
         รมว.เกษตรฯ เผยอีกว่า เลขาธิการ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้รายงานประมาณการไม้ผลเศรษฐกิจใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พบว่า ไม้ผล 4 ชนิด ได้แก่ เงาะ มังคุด ทุเรียน และลองกองให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
         โดย มังคุด มีพื้นที่ปลูก 50,276 ไร่ ปริมาณผลผลิต 27,655 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 550 กิโลกรัม, ทุเรียน มีพื้นที่ปลูก 102,286 ไร่ ปริมาณผลผลิต 66,294 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 648 กิโลกรัม, เงาะ มีพื้นที่ปลูก 41,570 ไร่ ปริมาณผลผลิต 22,596 ตัน และผลผลิตต่อไร่ 544กิโลกรัม และ ลองกอง มีพื้นที่ปลูก 137,416 ไร่ ปริมาณผลผลิต 43,214 ตัน ผลผลิตต่อไร่ 314 กิโลกรัม
         "มังคุดและทุเรียน เริ่มออกผลผลิตเดือน ก.ค. และให้ผลผลิตสูงสุดในช่วงเดือน ส.ค. ส่วนเงาะและลองกองจะทยอยออกผลผลิตเดือน ส.ค. และให้ผลผลิตสูงสุดในช่วงเดือน ก.ย. จึงต้องกำหนดมาตรการรวบรวมผลผลิตและกระจายสินค้าออกให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำจากการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง" นายกฤษฎา กล่าว