พาณิชย์-เกษตรฯ ติวเข้มผู้เลี้ยงโคเนื้อภาคอีสาน รองรับการค้าเสรี

         นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ กรมปศุสัตว์ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจัดสัมมนาเรื่องการเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมโคเนื้อและผลิตภัณฑ์รองรับการค้าเสรี ที่ จ.นครพนม ระหว่างวันที่ 22-23 มี.ค.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการพบปะเกษตรกรโคเนื้อ สหกรณ์โพนยางคำ จ.สกลนคร กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุน อ.นาแก และบริษัทนครพนมบีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด จ.นครพนม พบว่า กลุ่มเกษตรกรโคเนื้อในพื้นที่มีความมุ่งมั่นที่จะปรับตัวเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงจากโคเนื้อ โดยเห็นความสำคัญของการรักษามาตรฐานสินค้าโคเนื้อให้อยู่ในระดับพรีเมียมตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ การเอาใจใส่ในการเลี้ยง การติดตามตรวจสอบย้อนกลับของสินค้าเนื้อโค การผลักดันการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์เข้าสู่ระบบมาตรฐาน GMP เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้าให้แก่ผู้บริโภค

         นอกจากนี้ ยังได้พยายามศึกษาแนวทางการแปรรูปเนื้อให้สินค้าหลากหลายมากขึ้น เพื่อยกระดับสินค้าและความต้องการของผู้บริโภค กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้แนะนำช่องทางการขยายตลาดโคเนื้อไปยังประเทศอาเซียนและจีนที่ได้มีการลดภาษีเป็น 0% ให้ไทยภายใต้ FTA พร้อมให้ข้อมูลกิจกรรมของกระทรวงพาณิชย์ที่จะสามารถเข้าไปให้ความรู้และส่งเสริมการตลาดให้กับสินค้าเกษตรและผู้ประกอบการไทยกลุ่มโคเนื้อ อาทิ การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อยกระดับและสร้างความแตกต่างให้สินค้า หรือในกรณีเนื้อโคขุนโพนยางคำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็น GI ตั้งแต่ปี 2552 จะต้องรักษามาตรฐาน GI เนื่องจากเนื้อโคขุนโพนยางคำถือเป็นเนื้อแนวหน้าของไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค จึงจำเป็นที่จะต้องรักษาคุณภาพ และบริหารจัดการ GI ให้ดี และอาจต้องใช้กลไกทางกฎหมายรับมือกับผู้ละเมิดนำชื่อเนื้อโคขุนโพนยางคำมาใช้ประโยชน์ทั้งที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
         การรวมกลุ่มของเกษตรกร สหกรณ์ที่ต้องการนำสินค้าโคเนื้อเข้าสู่ตลาดเอง ควรมีการจัดทำแผนธุรกิจ การพัฒนาการทำธุรกิจของ กลุ่มสหกรณ์และวิสาหกิจแบบมืออาชีพ การขยายโอกาสหรือช่องทางธุรกิจผ่านระบบแฟรนไชน์ เป็นต้น สำหรับการทำตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์สามารถเป็นตัวกลางเชื่อมต่อหาข้อมูลความต้องการสินค้าของตลาดต่างประเทศให้ได้ และเพื่อให้สินค้าโคเนื้อเป็นที่ยอมรับจากตลาดต่างประเทศ เกษตรกรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและมีวิธีบริหารจัดการโคเนื้อทั้งระบบให้ได้ตามมาตรฐานสากล

         "กรมฯ ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่เห็นโอกาสสร้างรายได้ในยุคการค้าเสรี จึงได้ลงพื้นที่ติดตามความพร้อมและให้ข้อมูลช่องทางการใช้ประโยชน์จากการค้าเสรีแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัว ใช้โอกาสและประโยชน์จากการเปิดเสรีที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมปศุสัตว์ ยังมีแผนที่จะลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในพื้นที่ภาคกลางต่อไป" นางอรมน กล่าว
         ทั้งนี้ไทยผลิตโคเนื้อเฉลี่ยปีละ 1 ล้านตัว ขณะที่ความต้องการบริโภคในประเทศอยู่ที่ 1.2 ล้านตัว จึงมีการนำเข้าโคมีชีวิตประมาณ 1.2 แสนตัวในปี 2560 ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากเมียนมา (99.13%) และออสเตรเลีย (0.68%) และมีการนำเข้าเนื้อโคและผลิตภัณฑ์จากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ตามความต้องการเนื้อโคแบบปิ้งย่างและชาบูที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ไทยก็มีการส่งออกโคมีชีวิต เนื้อโคและผลิตภัณฑ์ไปประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปี 2560 ส่งออกโคมีชีวิต 1.6 แสนตัว มูลค่า 2,090 ล้านบาท มีตลาดหลักได้แก่ สปป. ลาว และบางส่วนเข้าสู่ตลาดจีน และมาเลเซีย และมีการส่งออกเนื้อโคและผลิตภัณฑ์ 119.23 ตัน ส่วนใหญ่ไปกัมพูชาและลาว

ที่มา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ