ทำเนียบฯ 20 มี.ค.- นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ระยะ 2 เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ วงเงิน 10,000 ล้านบาท รองรับการปล่อยกู้ให้กับรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือน กำหนดปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาทต่อราย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.85 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 5 ปี โดยใช้บุคคลค้ำประกัน แต่ไม่นำข้อมูลเครดิตบูโรมาพิจารณาสินเชื่อ กำหนดยื่นกู้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563  

     ทั้งนี้ หลังจากช่วงต้นปี 1 มกราคม 2561 ครม.อนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) ดำเนินโครงการเฟส 2 ไปแล้ว วงเงิน 10,000 ล้านบาท ทำให้วงเงินสำหรับการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบผ่าน ธ.ก.ส.และธนาคารออมสิน รวม 30,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากโครงการดังกล่าวร้อยละ 0.41 ช่วยเหลือชาวบ้านที่มีปัญหนี้นอกระบบประมาณ 600,000 ราย 

     นายณัฐพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.ปรับเพดานบริหารหนี้สาธารณะประจำปี 2561 หลังจากจัดสรรงบกลางปีเพิ่ม 150,000 ล้านบาท จึงได้เพิ่มยอดเงินกู้ 85,900 ล้านบาท ทำให้มีภาระเงินกู้ปี 2561 เพิ่มเป็น 1.588 ล้านล้านบาท จากเดิมยอดหนี้ 1.502 ล้านล้านบาท การกู้เงินเพิ่มดังกล่าวทำให้ภาระหนี้สาธารณะของประเทศมีสัดส่วนเพิ่มจากร้อยละ 42.7 ของจีดีพี เป็นร้อยละ 42.8 โดยยังไม่เกินกรอบความยั่งยืนทางการคลังร้อยละ 60 สำหรับร่างพระราชกำหนดทรัพย์สินดิจิทัลอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะยังมีหลายหน่วยงานแสดงความเห็นเพิ่มในการออกกฎหมายดังกล่าว โดยจะขอเปิดเผยรายละเอียดเมื่อประกาศราชกิจจานุเบกษา วันนี้ ครม.จึงไม่ได้พิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว