ก.เกษตรฯ หารือ 4 ประเทศผู้ผลิตยาง หวังสร้างเสถียรภาพราคา

         เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2561 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในนามรัฐบาลไทย จัดประชุมหารือความร่วมมือด้านยางพาราระหว่างไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล กรุงเทพฯ เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการมาตรการควบคุมการส่งออก ครั้งที่ 5 ในเดือดแรก (มกราคม) พร้อมหารือแนวทางอื่นร่วม หวังสร้างเสถียรภาพด้านราคา ตลอดจน ดึงเวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มอำนวจการต่อรองกับตลาดต่างประเทศยิ่งขึ้น
         นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานมาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกยางพารา (AETS) ครั้งที่ 5 ภายใต้ข้อตกลงสภาไตรภาคียางพาราระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยกำหนดการลดโควตาการส่งออกยางพาราร่วมกันของ 3 ประเทศสมาชิก ITRC จำนวน 350,000 ตัน

         ทั้งนี้มาตรการ AEST เป็นมาตรการที่แก้ไขปัญหาราคายางในระยะสั้น ภายในระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม 2561 ซึ่งนับจากนี้ยังเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการควบคุมปริมาณยางในตลาดให้ลดลง ซึ่งทั้งสามประเทศยืนยันที่จะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดและจริงจังมากยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรชาวสวนยางของแต่ละประเทศให้มีรายได้สูงขึ้น โดยไทยยังได้เสนอ 5 มาตรการให้กับทั้ง 3 ประเทศนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มมูลค่ายางพารา
         ได้แก่ สนับสนุนเอสเอ็มอีภายในประเทศ ส่งเสริมการแปรรูปเพิ่มมูลค่า, ให้ส่วนงานราชการใช้ยางพาราทำถนน ซึ่งในส่วนของไทยจะมีการใช้ยางพาราในส่วนนี้ถึง 180,000 ตัน, ไม่สนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกใหม่, อยากให้แต่ละประเทศมีคณะกรรมการกำหนดราคายางพารา โดยมีส่วนราชการ ชาวสวนยางและผู้ประกอบธุรกิจยางพารา เป็นกรรมการร่วมกัน และ ในอนาคตไม่ทราบว่าจะมีการใช้ยางเพิ่มขึ้นหรือไม่ ไทยจึงมีนโยบายปรับลดปริมาณยางพาราเพื่อไม่ให้มีภาวะยางพาราล้นตลาด เช่น จะมีการปรับลดปริมาณยางต่อปีจาก 4.5 ล้านตัน เหลือ 3.5 ล้านตัน ทำให้ปริมาณยางมีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ รวมทั้งการหยุดกรีดยาง 3 เดือนในพื้นที่ 3 ล้านไร่ หรือการกรีดยางวันเว้นวันก็จะช่วยให้ปริมาณยางที่ออกสู่ตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และจะทำให้ราคายางดีขึ้นกว่าในอดีตแน่นอน โดยเกษตรกรที่ลดพื้นที่ปลูกยางจะส่งเสริมให้ไปปลูกพืชอย่างอื่นแทน
         นอกจากนี้่ ที่ประชุมได้เชิญเวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองกับตลาดต่างประเทศ ซึ่งเวียดนามมีท่าทีจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวรในอนาคต โดยจะกลับมายืนยันอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้า