ที่สนามบินนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2561 อย่างเป็นทางการ
         โดย นายกฤษฎา กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้ มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องมาจากความผันแปรของสภาพภูมิอากาศ สภาวะโลกร้อน รวมถึงสถานการณ์หมอกควันและไฟป่า สำหรับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนสำคัญทั่วประเทศนั้น ยอมรับว่ายังมีเขื่อนหลักบางแห่งที่มีปริมาณน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ และมีการขอรับบริการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงมอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินโครงการปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2561 ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลที่กำชับให้ทุกหน่วยงานมุ่งดำเนินงานเชิงรุกเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและประชาชน
         นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เผยว่า กรมฝนหลวงฯ มีแผนปฏิบัติการประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 31 ต.ค. ของทุกปี ภายใต้การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาภัยพิบัติเชิงพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการดัดแปรสภาพอากาศ การเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการด้านการบิน และการพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ

         "สำหรับปีนี้ได้เตรียมจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 7 หน่วยปฏิบัติการ แบ่งเป็น ภาคเหนือ 2 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดขอนแก่น เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ภาคกลาง 2 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. เป็นต้นไป ภาคตะวันออก 1 หน่วยฯ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป ภาคใต้ 1 หน่วยฯ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงหัวหิน เปิดหน่วยฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป" นายสุรสีห์ กล่าว