แบนสารกำจัดศัตรูพืช ...เกษตรกรเป็นตัวประกัน!

แบนสารกำจัดศัตรูพืช ...เกษตรกรเป็นตัวประกัน!
โดย ปรีชา อภิวัฒนกุล

         พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะรู้บ้างไหมว่า เขาจับเกษตรกรเป็นตัวประกัน ตามข้อสั่งการของท่านเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ที่ให้พิจารณาหาข้อยุติสารเคมีกำจัดวัชพืชหรือยาฆ่าหญ้าตระกูล "พาราควอต"
         เขาที่ว่า มี 3 ส่วน คือ เอ็นจีโอ ข้าราชการ และบริษัทผู้ค้าสารเคมีเกษตร
         เอ็นจีโอร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขชิงเป็นฝ่ายรุก ตั้งแต่ 25 เมษายน 2560 ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการใช้สารเคมีเกษตรที่มีอันตรายรุนแรง โดยคำสั่งแต่งตั้งของ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
         ในกรรมการ นอกจากคนเกี่ยวข้องแล้ว ยังมีเอ็นจีโอจากเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือไทยแพน (Thai-PAN) เป็นเลขานุการร่วมอยู่ด้วย
         เลขานุการเนี่ย ไม่ใช่ตำแหน่งธรรมดา ภาษาข่าวก็ว่าเป็นคนชง คนกรอง คนสรุป
         วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 ล่วงมา 44 วัน หมอปิยะสกลเรียกประชุมปลัด 3 กระทรวง ทั้งสาธารณสุข เกษตรฯ และอุตสาหกรรม แล้วแถลง ยืนยันความเห็นเดิมเมื่อ 25 เมษายน 2560 ให้ห้าม (นำเข้า-จำหน่าย-ใช้) สารพาราควอต
         เป็นความเห็นของสาธารณสุขกระทรวงเดียว หรือทั้งเกษตรฯ และอุตสาหกรรม ฟังไม่ชัด รู้แต่ว่าความเห็นสาธารณสุขเป็นเช่นนั้น
         ที่ว่าไม่ชัด เพราะกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตรยังไม่มีคำตอบใดๆ ยังอยู่ในกระบวนการทดสอบการใช้พาราควอตในพืชบางตัวอยู่
         กระทรวงอุตสาหกรรมนั้น ปลัดกระทรวงเป็นประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย พ.ศ.2550 จะห้ามใช้ Ban สารตัวไหนๆ ก็ต้องขอข้อมูลจากผู้ใช้ผ่านทางกรมวิชาการเกษตรเสมอมา และเมื่อกรมวิชาการเกษตรไม่เสนอข้อมูลให้ ก.อุตสาหกรรม ก็ไม่รู้จะยังไงต่อไป
         กลับกัน ผมอยากให้ คุณกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการใช้ยาคนที่มีอันตรายรุนแรงมั่ง หมอปิยะสกลท่านจะยังนั่งเป็นรัฐมนตรี หรือ ลงไปเต้นงิ้ว ?
         ว่าด้วยฟากข้าราชการมั่ง กรมวิชาการเกษตรได้ทำหน้าที่เป็นกรมวิชาการเกษตรหรือยัง ตั้งแต่มีเรื่องนี้ไม่เห็นผู้บริหารกรมฯไขความกระจ่างแจ้งให้สังคมรับรู้เท่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเกษตรกรที่รอฟังด้วยใจระทึก
         สุดท้าย ผู้ประกอบการสารเคมีเกษตร บริษัทฝรั่งที่เขียนคัมภีร์จริยธรรมนั้น เขาว่ายิ่งเขียนมากข้อเท่าไหร่ ยิ่งโกหกมากเท่านั้น ปากกะใจยังไม่ตรงกัน สำหาอะไรกับคำภีร์
         บริษัทฝรั่งลงทุนมากมายกับการปกป้องผลประโยชน์จากการแบนหรือห้าม อย่างสมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯคนก่อน เขาก็เคยพานายใหญ่จากเมืองนอกเข้าพบมาแล้ว ท่ามกลางข่าวแบนการใช้สารเคมีเกษตร มีการระดมพลเกษตรกร 4 ภาคมาประชุมและให้สนับสนุนการใช้ต่อไป การใช้กระบวนการโหมโรงตีฆ้องร้องป่าวแล้วเบี้ยวเงินค่าจ้างก็ทำให้คนหูตาสว่างว่า ทำกันอย่างนี้นี่เอง
         สองสามวันที่ผ่านมา สมาคมพิษวิทยาแห่งประเทศไทย จัดประชุมว่าด้วยพิษสารเคมีเกษตร เชิญผู้เชี่ยวชาญมาถกเถียงให้ข้อมูลกัน ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาจากบริษัทไหน ใครเห็นก็จับไต๋ออกทั้งนั้นว่า มาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวที่มีข่าวว่า สินค้าจะถูกแบน
         นี่คือข้อสรุปที่ว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสารกำจัดศัตรูพืช ล้วนจับเกษตรกรไว้เป็นตัวประกันทั้งสิ้น เพราะไม่มีใครไหนเลยที่เอาเกษตรกรตัวจริงมาพูด ลงไปหาเกษตรกรที่ใช้กันโครมครามตามเรือกสวนไร่นา ลงไปเก็บหาข้อมูลผลตกค้างที่แท้จริง ไม่ใช่งานวิจัยดราม่าที่อ่าน/ฟังแล้ว อยากปาดน้ำตาร้องไห้ตาม
         นั่งอยู่บนสวรรค์วิมานเย็นฉ่ำ เถียงกันเรื่องจะแบนไม่แบนสารเคมีโดยเกษตรกรนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น มันเป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ ครับ