รัฐวางแผนปลูกป่าพื้นที่ราบ คาด 5-6 ปีได้ป่าเพิ่มกว่า 20 ล้านไร่

         นายรอยล จิตรดอน ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า การเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ป่าของประเทศจะปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้แผนประสบความสำเร็จเร็วขึ้น โดยการดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เนื่องจากเอกชนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้บริษัทอยู่ได้สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติต้องมั่นคง ด้วยการปรับโครงสร้างกฎหมายป่าไม้และอุทยานใหม่จากเดิมปรับจากอิงกฤษฎีและหลักการเป็นระบบประเมิน ติดตาม และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ที่รับประโยชน์โดยตรง
         ทั้งนี้การเพิ่มพื้นที่ป่าตามแผนแม่บทให้ได้ 26 ล้านไร่ หากให้ราชการปลูกตามงบประมาณที่มีจะปลูกได้เพียงปีละ 40,000 ไร่ ใช้เวลาถึง 500 ปีจะครบตามแผนประเทศ ทำให้แผนปฏิรูปต้องปรับเปลี่ยนจากการปลูกป่าพื้นที่สูงชันเป็นปลูกป่าพื้นที่ราบ คือ พื้นที่ปลูกพืชไร่เดิมได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าลงทุน และเอกชนรายใหญ่ที่มีที่ดินพร้อมจะเข้ามาลงทุนแล้วเก็บเกี่ยวผลผลิตในอีก 10 ปีข้างหน้า ในเบื้องต้นต้องการพื้นที่ปลูกป่าที่ราบกว่า 20 ล้านไร่ ซึ่งจะเห็นผลสำเร็จชัดขึ้นภายในเวลาไม่กี่สิบปี คาดว่า ประมาณ 5-6 ปี จะได้พื้นที่ป่าเพิ่มกว่า 20 ล้านไร่
         อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องปรับกฎหมายหรือกฎระเบียบการปลูกป่าให้ชัดเจนว่าเอกชนหรือชาวบ้านปลูกป่าเศรษฐกิจแล้วสามารถตัดต้นไม้จำหน่ายและขนย้ายไม้ได้ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม้มีค่าเป็นไม้ต้องห้ามเกือบทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันตลาดส่งไม้และเฟอร์นิเจอร์จากไม้ได้รับความนิยมมากขึ้น แบ่งเป็น คนไทย ใช้เงินแต่งบ้านประมาณร้อยละ 20-30 ของมูลค่าบ้าน และต่างชาติ ใช้เงินแต่งบ้านประมาณร้อยละ 60 ของมูลค่าบ้าน หากไทยมีเอกสารแสดงชัดเจนว่าไม้ที่ส่งออกของประเทศเป็นไม้เศรษฐกิจที่ปลูกถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่ไม้ออกจากป่าอนุรักษ์หรือป่าสงวนแห่งชาติ จะช่วยให้ตลาดส่งออกไม้ของไทยเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง