เป้าปี61ภาครัฐใช้ยางฯเพิ่มทะลุ2แสนตัน!

 

 

กรุงเทพฯ - กยท.เร่งส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐใช้ยางเพิ่มขึ้น ปี 61 ตั้งเป้าหมายไว้ 200,000 ตัน

       นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ด้านบริหาร เปิดเผยว่า เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันราคายางให้เกิดเสถียรภาพ กยท.จึงเดินหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ โดยจะเปิดรับสมัครเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเข้าร่วมโครงการ ซึ่ง กยท.จะรับซื้อยางเพื่อขายให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ยื่นข้อมูลปริมาณความต้องการใช้ยางในเบื้องต้นตั้งแต่ ม.ค.ถึงก.ย.ปีนี้ ตั้งเป้าหมายไว้ 200,000 ตัน โดยหน่วยงานที่ยื่อข้อมูลเข้ามา ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงยุติธรรม

 

 

        ทั้งนี้ การซื้อยางจะซื้อผ่านสถาบันเกษตรกร/เกษตรกรชาวสวนยาง กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง หรือ วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมยางจากพี่น้องเกษตรกร ส่งต่อให้หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่นั้นๆ กยท.จึงไม่ได้เปิดจุดรับซื้อพร้อมกันทุกพื้นที่เหมือนครั้งก่อน และจะเป็นการซื้อมาเพื่อแปรรูปเป็นยางประเภทต่างๆ ตามความต้องการใช้ โดยไม่มีการเก็บไว้เป็นสต็อกยาง และจะทยอยรับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกร/เกษตรกรชาวสวนยาง นำร่องในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง สตูล และยะลา โดยเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา กยท.เชิญกลุ่มสถาบันเกษตรกร/เกษตรกรชาวสวนยาง ผู้แทนจากกรมการปกครอง และผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อรับฟังข้อมูลและทำความเข้าใจเรื่องการเปิดจุดรับซื้อยาง ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช และในวันนี้ (15 ม.ค.) ได้มีการซื้อยางล็อตแรกเป็นน้ำยางสด จำนวน 1,200 ตัน เพื่อป้อนกระทรวงกลาโหม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ-สิ่งแวดล้อม จากนั้นจะทยอยรับซื้อยาง ตามความต้องการใช้จากกระทรวงต่างๆ จนครบ 200,000 ตัน ตามนโยบายของรัฐ

 

 

        อย่างไรก็ตาม สถาบันเกษตร/เกษตรชาวสวนยางและวิสาหกิจชุมชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ ติดต่อ กยท.เขต กยท.จังหวัด และ กยท.สาขาใกล้บ้านได้ทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนี้ นอกจากเป็นการส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศแล้วยังกระตุ้น สร้างความตระหนักว่า ยางพาราสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถซื้อผลผลิตยางจากเกษตรกรนำไปแปรรูปเพื่อก่อให้เกิดการใช้จริง ซึ่งมีผลช่วยทำให้ราคายางปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้ง ยังสร้างเสถียรภาพด้านราคายางในระยะยาวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน