การประชุมสัมมนาเชิงปฎิบัติการ "อนาคตข้าวไทยเพื่อความยั่งยืน" ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2561 ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ว่าจะส่งผลให้ข้าวไทยมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง การแข่งขันในตลาดโลกจะยิ่งเพิ่มความลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันกับเวียดนาม ในปี 2560 ค่าเงินบาทแข็งค่าจาก 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปี และลดลงมาอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปลายปี ซึ่งผลจากค่าเงินส่งผลให้ข้าวไทยแพงกว่าเวียดนามประมาณ 7%
         "ปัจจัยของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ข้าวไทยแพงว่าเวียดนาม 15-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมาดูแลค่าเงินให้เหมาะสม และใกล้เคียงกับคู่แข่งในภูมิภาคนี้"
         นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยังคาดการณ์ด้วยว่า ปี 2561 ปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ที่ 9.5 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2560 ที่ส่งออกประมาณ11.3-11.5 ล้านตัน เพราะปีที่ผ่านมาได้ระบายข้าวในสต็อกเก่าไปเกือบหมด ทำให้ปริมาณข้าวเพื่อการส่งออกน้อยลง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ส่งออกข้าวต้องการ คือส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ตรงกับความต้องการตลาด เช่น ตลาดจีนมีความต้องข้าวนิ่มมาก แต่ไทยยังปลูกน้อยกว่าเวียดนามที่ปลูกข้าวนิ่มกว่า 10 สายพันธุ์ และข้าวนิ่มเวียดนามขายได้แพงกว่าข้าวไทย 80-100 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน