ตลกร้ายเอ็นจีโอไทย

ตลกร้ายเอ็นจีโอไทย

โดย ปรีชา อภิวัฒนกุล

 

         มันเป็นตลกร้ายของสังคมไทยที่มีเอ็นจีโอเป็นตัวคอยชี้นำ ซึ่งถนัดประดิษฐ์วาทกรรมน่ากลัวมากมาย จนคนไม่กล้ากินผักผลไม้ ต้องเก็บเงินมาซื้อผักผลไม้อินทรีย์ราคาแพงกินแทน

         เป็นต้นว่า สารเคมีปนเปื้อนทั้งแผ่นดินไทย

         คำถามคือ ถ้าจริงอย่างว่า เอ็นจีโอคงไม่สามารถมาชี้ผิดชี้ถูกได้ถึงทุกวันนี้ เพราะจะม่องเท่งพร้อมกับชาวบ้านนี่แหละ

         เอ็นจีโอยังสร้างหนังตัวอย่าง ฉายให้เห็นว่า มีการสุ่มตรวจสอบสารเคมีตกค้างในสินค้าเกษตร และจะพบเปอร์เซ็นต์สูงด้วย

         คำถามคือ 1) สุ่มตรวจสอบกี่ตัวอย่าง รายงานล่าสุด สุ่มมากถึง 150 ตัวอย่างเชียว เป็นสถิติที่ควรค่าน่าเชื่อถือไหม?

         อีกคำถามคือ สุ่มตรวจสอบกับใคร หน้าไหนบ้าง ลองดูเถอะก็ล้วนเอ็นจีโอ คนกันเองด้วยกันทั้งสิ้น เข้าข่าย ชงเอง ตบเอง กินเอง

         เจ้าสารพาราควอต เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ฟ้องถึงความรู้ของเอ็นจีโอ

         เอาส่วนตัวกันก่อน จะแบน (Ban) พาราควอตหรือไม่แบน เชื่อว่าประชาชนเขาไม่ว่าหรอก ถ้าพบว่า มันเลวร้ายสุดๆ ทำให้คนตายเป็นเบือทำนองนั้น มีพิษไหม? คำตอบคือมีพิษจริง แรงด้วย แต่ป้องกันได้ไหม? ตอบเลยว่าป้องกันได้

         ยกตัวอย่างง่ายๆ มีดคมๆ บาดเส้นเลือดใหญ่ตายไหม แน่นอนว่าตาย แล้วเอ็นจีโอคนไหนเอาไปเชือดคอ เชือดเส้นลือดใหญ่ที่ข้อมือ ขาอ่อนของตัวเองบ้างไหม ตอบแทนได้ว่า ไม่มี เพราะทุกคนรู้ซึ้งถึงอันตรายและความเจ็บปวด

         พาราควอต อีหรอบเดียวกันเป๊ะ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ซดพาราควอต ซึ่งเป็นการตายอย่างทรมานสุดๆ ด้วย เป็นการใช้ผิดประเภท หรือ Misuse อย่างนี้เขาไม่นับรวมเป็นอันตรายจากการใช้ครับ อย่าไปปนกัน

         จริงๆ อีพาราควอตนี้ใช้กันจนกระทั่งเป็นยาสามัญกำจัดวัชพืช จะให้เอ็นจีโอไปถอนหญ้าในแปลงตัวเองก็คงไม่มีใครทำ เกษตรกรก็เช่นกัน หาวิธีลัด เร็ว ไม่เสียเวลา และกำจัดอยู่หมัด เพราะเกี่ยวพันกับต้นทุนการผลิต

         ไอ้สารตัวนี้มันวิเศษตรงถูกใบพืช ต้นพืชสีเขียว ตรงไหน มันก็จะไปทำลายพืชตรงจุดนั้นในทันที และไม่เคลื่อนย้ายไปไหน บริเวณที่ถูกสารตัวนี้จะเหี่ยวเฉาและตายในเวลารวบรัดเหมือนโดนฤทธิ์มีดสั้น เรื่องที่ว่าปนเปื้อนบนผักนั่นนี่หรือในมะพร้าวน้ำหอมก็เหมือนกัน มันจะบ้าเข้าไปได้อย่างไร เขาฉีดฆ่าหญ้าข้างล่าง จะให้ระเห็จขึ้นไปเป็นเมตรๆ บนต้นมะพร้าวน่ะ มันไม่ใช่สไปเดอร์แมนนะครับ

         สงสัยว่า เอ็นจีโอยุคนี้ถนัดนั่งทางในกันเสียละกระมัง อย่างนี้เขาเรียกขี้จุ๊ครับ

         ผมเคยนิยมเอ็นจีโอมาก่อน ในฐานะองค์กรตรวจสอบหน่วยงานรัฐ แต่ในระยะหลังบอกตามตรงว่า ก็ไม่ไว้ใจเอ็นจีโอ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่มองเห็นมั่งไม่เห็นมั่ง ไม่ต่างจากองค์กรรัฐเช่นเดียวกัน

         กรณีพาราควอตเนี่ย แรกสุดที่เคลื่อนไหวจะห้ามสารตัวนี้และใช้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นหัวหอกก็ทำเกษตรกรน้ำตาไหลมายกหนึ่ง เขาใช้ของเขาอยู่ดีๆ พวกก็ออกข่าวจะห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ พ่อค้ารู้แกวก็ตุนพาราควอตเพื่อขึ้นราคาทันทีนะสิ เกษตรกรไม่มีทางเลือกต้องซวย เพราะต้องซื้อพาราควอตในราคาที่แพงขึ้นชั่วพริบตาจากฝีมือเอ็นจีโอ ที่ปากก็ว่าทำเพื่อประชาชนๆ แต่นี่ซ้ำเติมหน้าตาเฉย ไม่เห็นมีเอ็นจีโอหน้าไหนกล้าหาญออกมาขอโทษเกษตรกรซักคน

         การยืมมือกระทรวงสาธารณสุขมาขับเคลื่อนการห้ามใช้สารเคมีเกษตรก็เป็นเรื่องแปลกและคิดได้ไง แถมกระทรวงคุณหมอก็ยอมให้เอ็นจีโอยืมมือเสียด้วย อีกหน่อยถ้าเกษตรกรหรือกระทรวงเกษตรฯ จะขอให้กระทรวงสาธารณสุขแบนยาพาราเซตามอนมั่ง คุณหมอคนบริหารกระทรวงจะยอมไหม?

         อยากกระซิบบอกใจจะขาดว่า เอ็นจีโอจ๋า สุดท้ายคุณกลายเป็นเครื่องมือใครไม่ทราบ ที่ทำให้เกิดการวิ่งเต้นใช้เงินใช้ทองจ่ายคนนั้นคนนี้มากมาย โดยที่ประชาชนและเกษตรกรไม่ได้ประโยชน์แต่สตางค์แดงเดียว ปัญหาสารเคมีเกษตรก็ยังคงมีของมันเหมือนเดิม ยังใช้ผิดวิธี ขายของปลอมปน ยังติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่รัฐทำตัวเป็นมาเฟียเรียกค่าไถ่ จำนวนร้านขายสารเคมีเกษตรเกลื่อนกล่นยิ่งกว่าเห็ดยายฉิม และ ฯลฯ เป็นต้น

         ถ้าจะทำอะไรกรุณาทำให้เข้าท่ากว่านี้ได้ไหม สุ่มตรวจสอบตัวอย่างผักผลไม้ ก็เอาหน่วยงานอื่นทำหรือให้หน่วยงานกลางเขาทำไป ไม่ใช่ทำเอง ตอบเอง ใครจะเชื่อ?

         หรืออย่างที่เอากระทรวงสาธารณสุขมาแบนสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพืชผักเพื่อบังคับกระทรวงเกษตรฯ ยกเลิกสารตัวนั้นตัวนี้ เลิกเสียทีเถอะ เข้าตามตรอก ออกตามประตู จะประเสริฐได้ชื่อว่ามีคุณสมบัติผู้ดี ไม่ใช่กูเป็นใหญ่ จะทำยังไงก็ได้

         ถ้ายังทะลึ่งทำเป็น NGO บ่อยๆ อีกหน่อยจะโดนไล่ตะเพิดเหมือนรัฐบาลในหลายประเทศเขาทำเอานะครับ