"กรมปศุสัตว์" อนุญาตนำเข้าเนื้อลูกวัว เนื้อวัว ไก่พันธุ์ จากเนเธอร์แลนด์

         กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้อนุญาตอย่างเป็นทางการ ให้สามารถนำเข้าเนื้อลูกวัว (Veal) และ เนื้อวัว (Beef) จากประเทศเนเธอร์แลนด์ มายังประเทศไทยได้ และการขยายระยะเวลาการส่งออกลูกไก่ (Day-Old-Chick) และไข่ฟัก (Hatching Egg) จากเนเธอร์แลนด์ มายังประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นผลจากความพยายามทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าและนวัตกรรมด้านปศุสัตว์ระหว่างไทยกับเนเธอร์แลนด์ ให้เข้มแข็งในระดับนานาชาติมากขึ้น

         ฯพณฯ มร. พอล เม้งเฟล (H.E. Mr. Paul Menkveld) อุปทูตเนเธอร์แลนด์ (Charge’ d’affaires a.i.) กล่าวว่า เนเธอร์แลนด์ในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารอันดับสองของโลก (รองจากสหรัฐอเมริกา) ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการเกษตรและอาหารในระดับโลก ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและกระชับความร่วมมือกับประเทศไทยด้านการค้า การลงทุน และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ทั้งสองประเทศต่างก็เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่สำคัญของโลกเช่นเดียวกัน

         มร. อารีย์ เวลเฮาเซ่น (Arie Veldhuizen) ทูตเกษตรของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า หลังจากการระบาดของโรควัวบ้าในยุโรปเมื่อหลายปีก่อน การส่งออกและนำเข้าสินค้าเนื้อวัวระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์ได้หยุดชะงักไประยะเวลาหนึ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและเนเธอร์แลนด์จึงได้มีการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขสถานการณ์ กรมปศุสัตว์ของไทยได้ตอบรับคำเชิญของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ในการเดินทางไปตรวจสอบระบบห่วงโซ่การผลิตและควบคุมเนื้อวัว ตลอดจนผลิตภัณฑ์เนื้อวัวที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการด้านความปลอดภัยอาหารเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเนื้อวัวและเนื้อลูกวัวที่ผลิตและส่งออกโดยเนเธอร์แลนด์ มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคในไทยอย่างแท้จริง เมื่อปีที่ผ่านมากรมปศุสัตว์จึงได้อนุมัติอย่างเป็นทางการให้เนเธอร์แลนด์สามารถส่งออกเนื้อลูกวัวและเนื้อวัวมายังประเทศไทยได้ และกรมปศุสัตว์ยังได้เดินทางไปตรวจสอบระบบห่วงโซ่การผลิตของอุตสาหกรรมไก่ทั้งระบบของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการด้านความปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกครั้งในปี 2560 นี้ กรมปศุสัตว์จึงได้อนุมัติอย่างเป็นทางการสำหรับการส่งออกลูกไก่และไข่ฟักจากเนเธอร์แลนด์มายังประเทศไทย อันเป็นผลจากความพยายามทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของไทยและเนเธอร์แลนด์ ขั้นตอนสุดท้ายคือกระบวนการด้านเอกสารสุขภาพสัตว์ (Veterinary or Health Certificate) เพื่อการส่งออกเนื้อลูกวัว เนื้อวัว ลูกไก่ และไข่ฟัก จากเนเธอร์แลนด์มาไทยก็ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของทั้งสองประเทศ ผู้บริโภคของไทยจึงสามารถมั่นใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าปศุสัตว์ ที่ส่งออกจากเนเธอร์แลนด์ได้

         นสพ. วัชรพล โชติยะปุตตะ ผู้อำนวยการกองความร่วมมือด้านการปศุสัตว์ระหว่างประเทศ ในฐานะตัวแทนของกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการให้สามารถส่งสินค้าเนื้อลูกวัว เนื้อวัว ลูกไก่ตลอดจนไข่ฟัก มายังประเทศไทยได้ เป็นผลจากร่วมมืออย่างใกล้ชิดของรัฐบาลทั้งสองประเทศ อีกทั้งยังมั่นใจว่าทั้งไทยและเนเธอร์แลนด์จะยังคงร่วมมือทำงานอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขี้น ในด้านการส่งเสริมการค้าและเทคโนโลยีการปศุสัตว์ของทั้งสองประเทศในตลาดโลก ให้มากขึ้นอีกด้วย

         มร. พอล เบลท์แมน (Mr. Paul Beltman) ผู้แทนจากสมาคมเนื้อแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (Dutch Meat Association) กล่าวถึงคุณภาพเนื้อลูกวัวจากเนเธอร์แลนด์ว่า เนเธอร์แลนด์เป็นผู้ผลิตเนื้อลูกวัวรายใหญ่ที่สุดของโลก ร้อยละ 70 ของเนื้อลูกวัวที่ผลิตได้จะส่งออกไปทั่วโลก โดยมีตลาดสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลัก แต่ละขั้นตอนของการเลี้ยงและการผลิตเนื้อลูกวัวแต่ละตัวในทุกๆฟาร์ม ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยหน่วยงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ และความปลอดภัยด้านอาหารของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ มีการตรวจสอบเรื่องความคุณภาพและมาตรฐานโดยหน่วยงานอิสระระดับนานาชาติอย่างครบวงจร สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกๆขั้นจนถึงวัวแต่ละตัว ณ ฟาร์มเลี้ยง รวมทั้งมีมาตรการการลงโทษในกรณีที่มีการฝ่าฝืนกฎหมายข้อบังคับเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัย ครอบคลุมตั้งแต่ฟาร์ม โรงงานอาหารสัตว์ จนถึงโรงเชือด ปัจจุบันกลุ่มบริษัทแวนดรี (VanDrie Group) คือผู้ผลิตและส่งออกเนื้อลูกวัวรายใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ กลุ่มบริษัทแวนดรี มีพนักงานทั้งสิ้น 2,250 คน โดยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงในเครือข่าย 1,100 ราย ความต้องการลูกวัวเพื่อป้อนให้แก่โรงเชือดของบริษัทในแต่ละปีมีจำนวน 1.5 ล้านตัว จัดเป็นผู้ผลิตและส่งออกเนื้อลูกวัวรายใหญ่อันดับต้นๆของโลก นอกจากนี้บริษัทยังประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านปศุสัตว์ที่เกี่ยวโดยเฉพาะการผลิตเนื้อลูกวัว และอุตสาหกรรมโคนม ด้วย

         นสพ. พรศักดิ์ หิรัญพัธวงศ์ ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัทเฮดริกซ์ จีเนติก (Hendrix Genetics B.V.) ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมไก่ของเนเธอร์แลนด์ที่มีต่ออุตสาหกรรมไก่ของประเทศต่างๆทั่วโลก ตั้งแต่เรื่องของพันธุกรรม อาหาร เทคโนโลยีการเลี้ยงในฟาร์ม การจัดการสุขภาพไก่ กล่าวเฉพาะในส่วนของเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมไก่ เนเธอร์แลนด์ นั้นเป็นผู้นำระดับโลกตั้งโดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า ร้อยละ 75 ครอบคลุมตั้งแต่เครื่องฟักไข่ เครื่องคัดแยกไข่ เครื่องจักรในโรงเชือด โรงเรือนเลี้ยงไก่และระบบการควบคุม เป็นต้น แนวโน้มทางการตลาดของเนื้อไก่คือผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการ มีความยั่งยืน มีความเป็นสินค้าพรีเมี่ยม และมีความเด่นชัดด้านนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น เนื้อไก่และไข่ที่ปลอดเชื้อซามอนเนลล่า เนื้อไก่ที่อุดมด้วยโอเมก้า-3 เป็นต้น บริษัทเฮนดริกซ์ จีเนติก ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมพันธุศาสตร์ไก่งวงและไก่ไข่ ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่แตกต่างกันกว่า 11 แบรนด์  ปัจจุบันเป็นผู้นำธุรกิจด้านพันธุกรรมครอบคลุมไก่ไข่ ไก่งวง หมู ไก่พื้นเมือง และปลา

         และหลังจากนี้เราคงได้เห็นเนื้อลูกวัว เนื้อวัว และ ไก่พันธุ์ (ลูกไก่และไข่ฟัก) จากเนเธอร์แลนด์ กันมากขึ้น ผู้บริโภคมั่นใจได้ในความปลอดภัยจากที่มีระบบตรวจสอบคุณภาพกันมาเป็นอย่างดี