เน้นปลูกพืชอื่นแทนข้าว-ยางพารา

 

 

กระทรวงเกษตรฯ ตั้งเป้าปี61 ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม อีกกว่า 260,000 ไร่ทั่วประเทศ ระบุ 2 ปีที่ผ่านมา มีเกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิตแล้วกว่า 190,000 ไร่ 

         พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยการดำเนินโครงการ Zoning by Agri-map ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา ว่า กระทรวงเกษตรฯสามารถสร้างแรงจูงใจ และสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่การผลิตที่ไม่เหมาะสมได้ถึง 190,319 ไร่ มีเกษตรกรได้รับผลประโยชน์ 40,946 ราย ปรับเปลี่ยนพื้นที่การเพาะปลูกพืชที่ไม่เหมาะสม เป็นการผลิตสินค้าชนิดใหม่ ที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด

 

 พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ

         โดยในปี 2560 เกษตรกรสมัครใจและปรับเปลี่ยนพื้นที่แล้ว 157,701 ไร่ เข้าร่วม 34,000 ราย จาก 53 จังหวัด เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูก 32,618 ไร่ เกษตรกรเข้าร่วม 10,502 ราย จาก 49 จังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯได้ให้ความรู้แก่เกษตรกรผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศ.พ.ก.) และเครือข่าย ในการส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า ช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้น

 

 

          นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า กระทรวงฯได้พัฒนาระบบการจัดทำแผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุกออนไลน์ (Agri – Map Online) โดยให้บริการผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ใช้ได้อย่างกว้างขวางขึ้น อันจะทำให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูล รายละเอียดของพื้นที่ว่า ดินมีปัญหาหรือไม่ มีความเหมาะสมสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดใด มีแหล่งรับซื้อผลผลิตชนิดใดที่อยู่ใกล้พื้นที่ของตนเอง เส้นทางไปยังแหล่งรับซื้อ ฯลฯ

          เหล่านี้เกษตรกรสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำการเกษตรให้ตรงตามศักยภาพของพื้นที่ (Zoning) ซึ่งเกษตรกรจะได้รับการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ ฯลฯ ต่อเมื่อสามารถผลิตในพื้นที่ปรับเปลี่ยนได้ก็จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตร

นายสุรเดช เตียวตระกูล 

          ช่วงที่ผ่านมา  Zoning by Agri-map ถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจหลังการปรับเปลี่ยน และเกษตรกรได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น อาทิ ปรับเปลี่ยนจากข้าวเป็นอ้อยโรงงาน สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย ปีที่ 1 อยู่ที่ 3,093 บาท/ไร่ จากเดิมที่การปลูกข้าวจะให้ผลตอบแทน 500-700 บาท/ไร่ การปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวเป็นการปลูกหญ้าเนเปียร์ สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 29,000 บาท/ไร่ ซึ่งการปลูกหญ้าเนเปียร์นั้น ที่สำคัญเกษตรกรจะต้องมีแหล่งรับซื้อที่แน่นอนมีตลาดรองรับการผลิต เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านราคาและตลาด

 

          สำหรับแผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2561 กระทรวงเกษตรฯมีเป้าหมายปรับ เปลี่ยนทั้งหมด 260,304 ไร่ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 43,313 ราย ใน 67 จังหวัด โดยจะเน้นปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวและยางพาราในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ไปเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด